๖. ชาครสูตร
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 55
๖. ชาครสูตร
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 24]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 55
๖. ชาครสูตร
[๑๓] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
เมื่อธรรมทั้งหลายตื่นอยู่ ธรรมประเภทไหนนับว่าหลับ เมื่อธรรมทั้งหลายหลับ ธรรมประเภทไหนนับว่าตื่น บุคคลหมักหมมธุลีเพราะธรรมประเภทไหน บุคคลบริสุทธิ์เพราะธรรมประเภทไหน.
[๑๔] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
เมื่อสัทธินทรีย์ ๕ อย่างตื่นอยู่ กามฉันทาทินิวรณ์ ๕ อย่าง นับว่าหลับ เมื่อกามฉันทาทินิวรณ์ ๕ อย่างหลับ สัทธาทินทรีย์ ๕ อย่าง นับว่าตื่น บุคคลหมักหมมธุลีเพราะนิวรณ์ ๕ อย่าง บุคคลบริสุทธิ์เพราะอินทรีย์ ๕ อย่าง.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 56
อรรถกถาชาครสูตร
พึงทราบวินิจฉัยสูตรที่ ๖ ต่อไป :-
บทว่า ชาครตํ แปลว่า ตื่นอยู่.
บทว่า ปญฺจ ชาครตํ อธิบายว่าก็เมื่อว่าโดยคาถาที่วิสัชนา เมื่ออินทรีย์ ๕ มีศรัทธา เป็นต้น ตื่นอยู่ นิวรณ์ ๕ ก็ชื่อว่า หลับ เพราะเหตุไร.
เพราะว่าบุคคลผู้พรั่งพร้อมด้วยนิวรณ์ ๕ นั้น นั่งก็ดี ยืนก็ดี แม้นอนจนอรุณขึ้นก็ดี ในที่ใดที่หนึ่ง ย่อมเป็นผู้ชื่อว่าหลับแล้ว เพราะความประมาท คือ เพราะความเป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยอกุศล.
เมื่อนิวรณ์ ๕ นี้หลับแล้วอย่างนี้ อินทรีย์ ๕ จึงชื่อว่า ตื่นอยู่เพราะเหตุไร.
เพราะว่าบุคคลผู้พรั่งพร้อมด้วยอินทรีย์ ๕ มีศรัทธา เป็นต้นนั้น แม้นอนหลับในที่ใดที่หนึ่ง ก็ชื่อว่าเป็นผู้ตื่นอยู่ เพราะความไม่ประมาท คือ เพราะเป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยกุศล.
บุคคลย่อมถือเอา ย่อมถือ ย่อมถือมั่นซึ่งธุลี คือ กิเลสด้วยนิวรณ์ ๕ นั่นแหละ.
พึงทราบเนื้อความนี้ว่า นิวรณ์ทั้งหลายมีกามฉันทะ เป็นต้น ที่เกิดก่อน ย่อมเป็นปัจจัยแก่กามฉันทะ เป็นต้น ซึ่งเกิดขึ้นทีหลัง ดังนี้เป็นต้น จึงชื่อว่าบุคคลย่อมบริสุทธิ์ด้วยอินทรีย์ ๕ ดังนี้.
แม้ในที่นี้ ท่านกล่าวอินทรีย์ ๕ ทั้งที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระ ดังนี้แล.
จบอรรถกถาชาครสูตรที่ ๖