พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๔. เอกมูลสูตร ว่าด้วยปริศนาธรรม

 
บ้านธัมมะ
วันที่  28 ส.ค. 2564
หมายเลข  36205
อ่าน  489

[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 245

๔. เอกมูลสูตร

ว่าด้วยปริศนาธรรม


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 24]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 245

๔. เอกมูลสูตร

ว่าด้วยปริศนาธรรม

[๑๔๑] เทวดากราบทูลว่า

บาดาล มีรากอันเดียว มีความวนสอง มีมลทินสาม มีเครื่องลาดห้า เป็นทะเล หมุนไปได้สิบสองด้าน ฤาษีข้ามพ้นแล้ว.

อรรถกถาเอกมูลสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในเอกมูลสูตรที่ ๔ ต่อไป :-

บทว่า เอกมูลํ ได้แก่ อวิชชาเป็นราก (มูล) แห่งตัณหา ทั้งตัณหาก็เป็นราก (มูล) แห่งอวิชชา แต่ในที่นี้ ท่านประสงค์เอาตัณหา.

ก็ตัณหานั้นย่อมหมุนเป็นไปสองอย่าง คือ ด้วยสัสสตทิฏฐิ และอุจเฉททิฏฐิ เพราะเหตุนั้นตัณหานั้น จึงชื่อว่า มีความหมุนเป็นสอง.

ตัณหานั้น ชื่อว่า มีมลทินสาม มีราคะเป็นต้น.

โมหะ ก็ชื่อว่ามีมลทินในที่นั้น เพราะเป็นเงื่อนแห่งสหชาตของตัณหานั้น.

ราคะโทสะ มีกามคุณห้าเป็นเครื่องลาดของตัณหานั้น เพราะเป็นเงื่อนแห่งอุปนิสสยะ (คือที่อาศัยอย่างมั่นคง).

ตัณหานั้นแหละแผ่ไปในธรรม

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 246

เหล่านั้น เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า มีเครื่องลาด ๕.

ก็ตัณหานั้นแหละ ชื่อว่าเป็นสมุทร (ทะเล) เพราะอรรถว่า ไม่รู้จักเต็ม.

ตัณหานั้น ย่อมหมุนเวียนเปลี่ยนไปในอายตนะ ๑๒ ทั้งภายในและภายนอก เพราะเหตุนั้น ตัณหานั้นจึงชื่อว่าหมุนไปได้ ๑๒ ด้าน.

ก็ตัณหานั้น ท่านเรียกว่า บาดาล เพราะอรรถว่า ไม่ตั้งมั่น.

ฤาษีข้ามแล้ว ข้ามขึ้นแล้ว ย่อมก้าวล่วงซึ่งบาดาล (ตัณหา) นั้นซึ่งมีรากเดียว ฯลฯ.

จบอรรถกถาเอกมูลสูตรที่ ๔