๗. ปัญจาลจัณฑสูตร
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 334
๗. ปัญจาลจัณฑสูตร
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 24]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 334
๗.ปัญจาลจัณฑสูตร
[๒๓๖] ปัญจาลจัณฑเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้กล่าวคาถานี้ ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
บุคคลผู้มีปัญญามาก ได้พบโอกาสช่องทางในที่คับแคบหนอ ผู้ใดได้รู้ฌานเป็นผู้ตื่น ผู้นั้นเป็นผู้องอาจในการเร้นเป็นมุนี.
[๒๓๗] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนปัญจาลจัณฑเทวบุตร ชนเหล่าใด แม้อยู่ในที่คับแคบ แต่กลับได้ซึ่งสติเพื่อการบรรลุธรรม คือพระนิพพาน ชนเหล่านั้น ชื่อว่า ตั้งมั่นดีแล้วโดยชอบ.
อรรถกถาปัญจาลจัณฑสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในปัญจาลจัณฑสูตรที่ ๗ ต่อไป :-
ในบทว่า สมฺพาเธ ที่คับแคบมี ๒ ได้แก่ ที่คับแคบ คือ นิวรณ์ ที่คับแคบ คือ กามคุณ.
ในที่คับแคบทั้งสองนั้น ในพระสูตรนี้ ท่านประสงค์เอาที่คับแคบ คือ นิวรณ์.
คำว่า โอกาโส นี้เป็นชื่อของฌาน.
บทว่า ปฏิลีนนิสโภ แปลว่า เป็นผู้หลีกออกได้ประเสริฐสุด.
ผู้ละมานะได้แล้ว
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 335
ตรัสเรียกชื่อว่า ผู้หลีกออก เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้หลีกออกเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ มีอัสมิมานะ [ความถือว่าเป็นเรา] อันละได้แล้ว มีมูลอันถอนเสียแล้ว ทำเป็นดุจต้นตาลมีรากอันถอนแล้ว ทำให้ไม่มี ไม่มีการเกิดขึ้นต่อไป ดังนี้.
บทว่า ปจฺจลทฺธํสุ แปลว่า ได้เฉพาะแล้ว.
ด้วยบทว่า สมฺมา เต ท่านกล่าวฌานผสมกันไว้ว่า ชนเหล่าใดได้เฉพาะสติ เพื่อบรรลุพระนิพพาน ชนเหล่านั้นเป็นผู้ตั้งมั่นดีแล้ว แม้ด้วยโลกุตรสมาธิ.
จบอรรถกถาปัญจาลจัณฑสูตรที่ ๗