๔. ฆฏิการสูตร
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 374
๔. ฆฏิการสูตร
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 24]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 374
๔. ฆฏิการสูตร (๑)
[๒๘๗] ฆฏิการเทพบุตร ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ภิกษุ ๗ รูป ผู้เข้าถึงพรหมโลกชั้นอวิหาเป็นผู้หลุดพ้นแล้ว สิ้นราคะโทสะแล้ว ข้ามพ้นตัณหาที่ซ่านไปในโลกเสียได้แล้ว.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า
ก็ภิกษุเหล่านั้น คือใครบ้าง ผู้ข้ามพ้นเครื่องข้องแห่งมัจจุมาร อันแสนยากที่จะข้ามได้ ละกายของมนุษย์แล้ว ก้าวล่วงเครื่องประกอบอันเป็นทิพย์.
ฆฏิการเทพบุตรกราบทูลว่า
คือ ท่านอุปกะ ๑ ท่านผลคัณฑะ ๑ ท่านปุกกุสาติ ๑ รวมเป็น ๓ ท่าน ท่านภัททิยะ ๑ ท่านขัณฑเทวะ ๑ ท่านพาหุรัคคิ ๑ ท่านสิงคิยะ ๑ (รวมเป็น ๗ ท่าน) ท่านเหล่านั้นล้วนแต่ละกายของมนุษย์ ก้าวล่วงเครื่องประกอบอันเป็นทิพย์ได้แล้ว.
(๑) ในอาทิตตวรรคที่ ๕ สูตรที่ ๑๐ เป็นฆฏิกรสูตร
ม. เป็นฆฏิการสูตร เหมือนกันทั้ง ๒ สูตร.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 375
[๒๘๘] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า
ท่านเป็นเทพมีความฉลาด กล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่านั้น ผู้ละบ่วงมารได้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นรู้ทั่วถึงธรรมของใครจึงได้ตัดเครื่องผูกคือภพเสียได้.
[๒๘๙] ฆฏิการเทพบุตรกราบทูลว่า
ท่านเหล่านั้น รู้ทั่วถึงธรรมของผู้ใดจึงตัดเครื่องผูกคือภพเสียได้ ผู้นั้นนอกจากพระผู้มีพระภาคเจ้า และธรรมนั้นนอกจากคำสอนของพระองค์แล้วเป็นไม่มี.
นามและรูปดับไม่เหลือในธรรมใด ท่านเหล่านั้นได้รู้ทั่วถึงธรรมนั้น จึงตัดเครื่องผูก คือ ภพได้.
[๒๙๐] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า
ท่านกล่าววาจาล้ำลึก รู้ได้ยาก เข้าใจได้แสนยาก ท่านรู้ทั่วถึงธรรมของใคร จึงกล่าววาจาเช่นนี้ได้.
[๒๙๑] ฆฏิการเทพบุตรกราบทูลว่า
ครั้งก่อนข้าพเจ้าเป็นช่างหม้อ ทำหม้ออยู่ในเวภฬิงคชนบท เป็นผู้เลี้ยงดูมารดาบิดา เป็นอุบาสกของพระกัสสปพุทธเจ้า เว้นขาดจากเมถุนธรรม ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่มีอามิส ได้เคยเป็นคน
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 376
ร่วมบ้านกับพระองค์ ทั้งเคยได้เป็นสหายของพระองค์ในปางก่อน ข้าพเจ้ารู้จักภิกษุทั้ง ๗ รูปเหล่านี้ ผู้หลุดพ้นแล้ว สิ้นราคะโทสะแล้ว ข้ามพ้นเครื่องข้องต่างๆ ในโลกได้แล้ว.
[๒๙๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
แน่ นายช่างหม้อ ท่านพูดอย่างใดก็ได้เป็นจริงแล้วอย่างนั้น ในกาลนั้นครั้งก่อนท่านเป็นช่างหม้อ ทำหม้ออยู่ในเวภฬิงคชนบท เป็นผู้เลี้ยงดูมารดาบิดา เป็นอุบาสกของพระกัสสปพุทธเจ้า งดเว้นจากเมถุนธรรม ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่มีอามิส ได้เป็นคนเคยร่วมบ้านกันกับเรา ทั้งได้เคยเป็นสหายของเราในปางก่อน.
พระสังคีติกาจารย์กล่าวว่า
สหายเก่าทั้งสอง ผู้อบรมตนแล้ว ทรงไว้ซึ่งสรีระครั้งสุดท้าย ได้มาพบกันด้วยอาการอย่างนี้แล.