โยนิโสมนสิการ

 
oom
วันที่  6 พ.ค. 2550
หมายเลข  3654
อ่าน  3,414

โยนิโสมนสิการ คือ การพิจารณาสภาพธรรมตามความเป็นจริง ด้วยเหตุด้วยผล เพื่อลดละอกุศลที่จะเกิดใช่หรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 7 พ.ค. 2550

ผู้ที่มีโยนิโสมนสิการ ย่อมเป็นผู้ละอกุศลได้ตามฐานะของตน คือ

ในระดับมหากุศล ละอกุศลด้วยตทังคปหาน

ถ้าเป็นกุศลระดับมหัคคตะ ละอกุศลด้วยวิกขัมภนปหาน

ถ้ากุศลระดับโลกุตระ ย่อมละอกุศลด้วยสมุจเฉทปหาน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 7 พ.ค. 2550

โยนิโสมนสิการ เป็นการพิจารณาโดยแยบคายถูกต้อง ขณะที่พิจารณาโดยแยบคาย ขณะนั้นเป็นกุศล

จากคำกล่าวที่ว่า โยนิโสมนสิการ คือการพิจารณาสภาพธรรมตามความเป็นจริง อาจทำให้เข้าใจคำว่าโยนิโสมนสิการผิดได้ ประการสำคัญ โยนิโสมนสิการ ไม่ใช่ปัญญาครับ เป็นเจตสิกคนละดวงกัน คือมนสิการ

เจตสิก กับ ปัญญา (อโมหเจตสิก) ดังนั้น การพิจารณาสภาพธัมมตามความเป็นจริงเป็นหน้าที่ของปัญญา ไม่ใช่โยนิโสมนสิการ แต่โยนิโสมนิการทำหน้าที่ใส่ใจถึงอารมณ์นั้นด้วยความแยบคายถูกต้องครับ ซึ่งก็เกิดร่วมกับปํญญาด้วยครับ ซึ่งโยนิโสมนสิการก็มีหลายระดับขั้น หมายความว่า ขณะที่จิตเป็นกุศลขณะนั้นมีโยนิโสมนสิการ กุศลก็มีหลายระดับ ทำให้โยนิโสมีหลายระดับด้วย

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 7 พ.ค. 2550

ด้วยเหตุด้วยผล เพื่อลดละอกุศลที่จะเกิดใช่หรือไม่ ขณะที่โยนิโสมนสิการเกิดขึ้น ขณะนั้นจิตก็เป็นกุศลก็ละอกุศลโดยตัวมันเองเพราะจิตเป็นกุศลขณะนั้น และดังที่กล่าวมาแล้ว โยนิโสมนสิการมีหลายระดับ ถ้าเกิดกับจิตที่เป็นสติปัฏฐานและวิปัสสนาญาณ (ตทังคปหาน) ก็เป็นไปเพื่อละกิเลสไม่ให้เกิดอีกในกาลข้างหน้า ถ้าโยนิโสมนสิการเกิดกับจิตที่เป็นกุศลขั้นฌาน (วิกขัมภนปหาน) ก็เป็นการละกิเลสไม่ให้เกิดขณะที่อยู่ในฌาน เมื่อออกจากฌาน กิเลสก็เกิดได้อีกครับ ถ้าโยนิโสมนสิการเกิดกับจิตที่เป็นระดับโลกุตระ (ขณะมรรคจิตเกิด เป็นต้น) ขณะนั้น ละกิเลสที่มีอยู่จนหมดไม่มีเหลือ ตามระดับของมรรคนั้นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 7 พ.ค. 2550

แต่ธรรม คือ โยนิโสมนสิการ เป็นธรรมที่มีอุปการะมากที่จะได้ปัญญาและบรรลุธรรม

ลองอ่านดูนะ

เหตุให้เกิด สติ และ ปัญญา (สัมปชัญญะ) คือการพิจารณา [ตัณหาสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 7 พ.ค. 2550

เรื่อง โยนิโสมนสิการเป็นเหตุให้บรรลุธรรม แต่ต้องเป็นโยนิโสมนสิการ ที่เกิดกับสติปัฏฐานครับ

[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 77

ข้อความบางตอนจาก ปฐมโยนิโสมนสิการสัมปทาสูตร

โยนิโสมนสิการเป็นนิมิตแห่งอริยมรรค

[๑๓๖] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระอาทิตย์จะขึ้น สิ่งที่ขึ้นก่อน สิ่งที่เป็นมิมิตมาก่อน คือ แสงเงินแสงทอง สิ่งที่เป็นเบื้องต้นเป็นนิมิตมาก่อน เพื่อความบังเกิดแห่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ของภิกษุ คือ ความถึงพร้อมแห่งการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ฉันนั้นเหมือนกัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 8 พ.ค. 2550

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
oom
วันที่ 8 พ.ค. 2550

ขอบคุณค่ะ ที่ให้ความรู้ความเข้าใจ เรื่อง โยนิโสมนสิการ เพราะเพื่อนที่สนใจปฏิบัติธรรมเหมือนกัน ก็จะชอบถามเรื่องประสบการณ์ในการปฏิบัติ เช่น กรณี ถ้าเรามีความโกรธเราจะทำอย่างไร ดิฉันก็ตอบตามความเข้าใจที่เคยได้ฟังอ.สุจินต์บรรยาย เรื่อง การโยนิโสมนสิการ ว่าเราต้องพิจารณาด้วยความแยบคายว่าความโกรธนั้นเป็นอะไร โกรธแล้วดีไหม เราสมควรโกรธหรือไม่ ถ้าโกรธแล้วจิตเป็นอกุศล เราสมควรโกรธหรือสมควรละความโกรธนั้น ละแบบนี้ ดิฉันแนะนำเพื่อนถูกหรือเปล่าคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
study
วันที่ 8 พ.ค. 2550

การแนะนำให้เพื่อนได้เข้าใจความจริง อาจแนะนำได้หลายๆ นัยเพื่อการบรรเทาความโกรธ แต่ขณะที่โกรธนั้นเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เราหรือตัวตนของเราเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
sitt
วันที่ 8 พ.ค. 2550

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
อิสระ
วันที่ 8 พ.ค. 2550

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เทพทัย
วันที่ 8 พ.ค. 2550

การที่สติระลึกรู้ว่าโกรธไม่ใช่เราก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัย เราบังคับบัญชาเองไม่ได้ แต่โดยสภาพแล้ว ภาพ เสียงและสถานการณ์ภายนอกต่างก็เป็นเช่นนั้นเอง ภาพก็คือภาพ เสียงก็คือเสียง ไม่สามารถทำให้เราโกรธได้เลย กิเลสเราต่างหากที่ทำร้ายเราเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 9 พ.ค. 2550

ถ้าเรามีโยนิโสมนสิการ พิจารณาโดยแยบคาย และรู้ว่าความโกรธไม่ดี แต่เราไม่สามารถห้ามไม่ให้โกรธได้ แต่สติเกิดได้ในขณะนั้น และเห็นโทษของความโกรธที่ทำให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อน ก็ต้องอบรมปัญญาเพื่อละคลายความเป็นตัวตนค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
suwit02
วันที่ 4 ก.พ. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Komsan
วันที่ 5 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 3 พ.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิจค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ