ไม่ต้องไปแสวงหาธรรมที่ไหน_สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี วันเสาร์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๔

 
khampan.a
วันที่  4 ก.ย. 2564
หมายเลข  36635
อ่าน  1,186

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


"ไม่ต้องไปแสวงหาธรรมที่ไหน"

ถอดจากคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี

วันเสาร์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๔



(ดอกบัวบาน ที่ มศพ. _ ๔ กันยายน ๒๕๖๔)



~ โลภะมีจริง โลภะเป็นความติดข้อง

~ คำว่า ธรรม หมายความถึงสิ่งที่มีจริง เพราะฉะนั้น เห็นมีจริง ธรรม พูดถึงสิ่งที่มีจริง เพราะฉะนั้น เห็นก็เป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง

~ สิ่งที่ประเสริฐที่สุดที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อให้เรา หลังจากที่พระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว ให้เราเข้าใจความจริง ไม่ใช่ให้เราตามจำๆ นั่นไม่มีประโยชน์อะไรเลย

~ ตราบใดที่ยังไม่เข้าใจจริงๆ ในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย

~ เมื่อไหร่เป็นความเข้าใจจริงๆ ของเรา ไม่ใช่จำ เมื่อนั้น ได้รับประโยชน์อย่างยิ่งจากการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีและตรัสรู้ ทรงแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา ทุกคำสำหรับให้เราเข้าใจ ไม่ใช่ให้จำ

~ ถ้าใครก็ตามพูดอะไรๆ ให้เราเพียงจำ มีประโยชน์ไหม?

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริง ว่า อะไรทำให้เห็นเกิดขึ้น? เพื่อให้รู้ว่าเห็นเป็นเห็น เห็นเกิดจึงเห็น ไม่ใช่ใคร แต่ต้องมีสิ่งที่ทำให้เห็นเกิดขึ้น

~ กำลังฟังอะไร กำลังฟังเรื่องของเห็นซึ่งกำลังเห็น ให้เข้าใจถูกต้อง

~ ขณะที่ได้ยิน ไม่มีเห็น แสดงว่าเห็นเกิดดับก่อนแล้วจึงมีได้ยินเกิดขึ้น

~ ธรรม ไม่ได้อยู่ที่อื่นเลย แต่อยู่ที่เห็น ที่ได้ยินแต่ละหนึ่งๆ นั่นแหละ เป็นธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้

~ ไม่ต้องไปหาธรรมที่ไหนเลย เพราะขณะที่เห็น เห็นเป็นธรรม ในขณะที่ได้ยิน ได้ยินเป็นธรรม

~ ทุกครั้งที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง เพื่อให้เข้าใจมั่นคงขึ้นที่จะรู้ว่าธรรมคือเดี๋ยวนี้ที่กำลังเป็นธรรม จนกว่าจะเข้าใจมั่นคงจริงๆ
ไม่ลืม ตั้งแต่บัดนี้ เพื่อปลูกฝังความเข้าใจที่มั่นคง ว่า ฟังเรื่องสิ่งที่มีจริง เพื่อเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง ไม่มีความสงสัยเรื่องธรรมเลย แล้วก็รู้ว่าศึกษาธรรม คือ เข้าใจสิ่งที่มี ซึ่งถ้าไม่ฟังไม่ศึกษาไม่คิดไม่ไตร่ตรอง ก็ไม่มีโอกาสที่จะเข้าใจเลย

~ ไม่มีใครรู้ ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ อนัตตา หมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลยทั้งสิ้น เพราะไม่มีใคร มีแต่ธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย เดี๋ยวนี้กำลังเป็นอย่างนี้ทุกขณะ ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น มั่นคงว่าไม่มีเรา มีแต่ธรรม ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด มีแต่ธรรม

~ ธรรมอยู่ไหน? เป็นเราหรือเปล่า? เป็นของเราหรือเปล่า?

~ ก่อนฟังธรรม ไม่รู้ว่าเป็นธรรมแต่ละหนึ่งๆ

~ โลภะเป็นเห็นหรือเปล่า? โลภะไม่ใช่เห็น

~ ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ทรงแสดง จะรู้ไหมว่าทันทีที่เห็น ก็ติดข้องในสิ่งที่กำลังถูกเห็น

~ ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ทรงแสดง จะรู้ไหมว่าติดข้องหมดในทุกอย่างที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มังกรทอง
วันที่ 4 ก.ย. 2564

เมื่อไหร่เป็นความเข้าใจจริงๆ ของเรา ไม่ใช่จำ เมื่อนั้น ได้รับประโยชน์อย่างยิ่งจากการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีและตรัสรู้ ทรงแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา ทุกคำสำหรับให้เราเข้าใจ ไม่ใช่ให้จำ

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 4 ก.ย. 2564

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบยินดีในกุศลของคุณสุคินและทุกท่านที่ร่วมสนทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
petsin.90
วันที่ 4 ก.ย. 2564

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
มังกรทอง
วันที่ 4 ก.ย. 2564

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริง ว่า อะไรทำให้เห็นเกิดขึ้น? เพื่อให้รู้ว่าเห็นเป็นเห็น เห็นเกิดจึงเห็น ไม่ใช่ใคร แต่ต้องมีสิ่งที่ทำให้เห็นเกิดขึ้น

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 4 ก.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jans
วันที่ 5 ก.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
natthayapinthong339
วันที่ 8 ก.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ