เวลาไปพบยมบาล เป็นภพไหนครับ
ครับ ตามที่อ่านมาเวลาตายไปแล้ว ถ้าต้องไปเจอท่านยมบาลที่ท่านถามว่า "เคยเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตายไหม ฯเปฯ " ถ้า จาก จุติจิต ไป ปฏิสนธิจิต แล้วได้อายตนะเลย และ ถ้า ภพมี ๓๑ ภพ แล้วขณะที่ไปเจอท่านยมบาลรอให้ท่านตัดสินว่าจะได้ไปไหนต่อ ตรงนี้ละครับที่สงสัยว่าเป็น "ภพ" หรือไม่ ถ้าเป็น "เป็นภพไหน ถ้า ไม่เป็น ไม่เป็นเพราะอะไร ฯ
สงสัยมานานมากๆ แล้วครับ
ขอบคุณมากครับ.
รุท
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พญายม หรือ ยมทูต มีจริง ท่านเป็นเวมานิกเปรต หมายถึง คราวหนึ่งก็จะเสวยสมบัติ อีกคราวก็จะต้องมาแสดงผลของกรรมของสัตว์ ให้สัตว์นรก ผู้พอที่จะล่วงรู้ได้ ได้ทราบและให้ระลึกครับ พญายมมี 4 ตน ทั้ง 4 ประตูนรก
ซึ่งในความเป็นจริง ไม่ได้หมายความว่า เมื่อบุคคลจะต้องไปนรกแล้วจะต้องได้พบพญายมเหมือนในหนังทุกคนครับ ผู้ใดก็ตามที่ทำกรรมหนัก ย่อมตกนรกทันที ย่อมไม่ได้การวินิจฉัย พบยมทูต หรือ พญายม เพื่อที่จะได้ระลึกถึงคุณความดี อันอาจจะทำให้พ้นในนรกครับ เปรียบเหมือน โจรที่ขโมยของ ถ้าโจรถูกจับพร้อมของกลาง กำลังขโมยก็ถูกลงโทษทันที ตกนรกทันทีสำหรับผู้ทำบาปหนัก แต่ผู้ที่ทำบาปนิดหน่อย หรือโจรผู้ที่กระทำการขโมย แต่ความผิดไม่ร้ายแรงหรือไม่แจ้งชัด ย่อมได้รับการวินิจฉัย เข้าสู่ศาลได้ ฉันใด ผู้ทำบาปนิดหน่อยเท่านั้นที่จะได้พบยมทูตหรือพญายมครับ เพื่อจะได้วินิจฉัย และ พญายมจะถามเขาว่าตอนยังมีชีวิตอยู่ได้เห็น เทวทูตทั้ง 5 คือ เด็กที่เกิดใหม่ คนแก่ คนเจ็บ คนที่ถูกลงโทษจองจำ และคนตาย หรือไม่ เมื่อเขาตอบว่าเห็นพญายมจะถามเตือนสติต่อไปว่า ตัวท่านนั้นก็มีสติดี เป็นผู้ใหญ่แล้วเคยคิดบ้างไหม ว่าตนเองก็ต้องมีความเกิด ความแก่ ความเจ็บ การถูกลงโทษเมื่อทำความชั่ว และมีความตายเป็นธรรมดา ควรที่จะทำความดีทาง กาย วาจา และใจ เมื่อเขาตอบว่าไม่ได้คิดเพราะมัวประมาทอยู่ พญายมจึงกล่าวกับเขาว่า "ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ ท่านไม่ได้ทำความดีทางกาย ทางวาจา และทางใจไว้ เพราะมัวประมาทเสีย ดังนั้น เหล่านายนิรยบาลจักลงโทษโดยอาการที่ท่านประมาทแล้ว ก็บาปกรรมนี้นั่นแล ไม่ใช่มารดาทำให้ท่าน ไม่ใช่บิดาทำให้ท่านไม่ใช่พี่น้องชายทำให้ท่าน ไม่ใช่พี่น้องหญิงทำให้ท่าน ไม่ใช่มิตรอำมาตย์ทำให้ท่าน ไม่ใช่ญาติสาโลหิตทำให้ไม่ใช่สมณะและพราหมณ์ทำให้ท่าน ไม่ใช่เทวดาทำให้ท่าน ตัวท่านเองทำเข้าไว้ ท่านเท่านั้น จักเสวยวิบากของบาปกรรมนี้"
เมื่อสัตว์นั้นผู้ทำบาปนิดหน่อย แต่ระลึกถึงกรรมที่ทำไม่ได้และไมได้ทำกรรมดีไว้ ก็ต้องไปตกนรก หลังจากพญายมได้พยายามให้ระลึกถึงความดีแล้ว แต่ชนบางพวกก็สามารถระลึกถึงความดีที่ตัวเองได้ทำมา และก็ระลึกถึงกุศลนั้น ก็ไปเกิดบนสวรรค์ทันทีก็มีครับ
ดังนั้น การพบยมบาล ยมทูต ก็คือ เกิดแล้วในภพนรก ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตาย หมายถึง อะไร? การตายของสัตว์โลก คือ จุติจิตเกิดขึ้น ทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ ในภพนี้ชาตินี้ ไม่สามารถกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีก เมื่อจุติจิตดับไปแล้ว เป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น ทำกิจสืบต่อความเป็นบุคคลใหม่ สืบต่อทันที (สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส) เพราะฉะนั้น ผู้ที่ไม่ได้บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ดับกิเลสได้ทั้งหมด เมื่อตายไป (จิตขณะสุดท้ายของชีวิตในชาตินี้ เกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้) ย่อมเกิดทันที แต่จะไปเกิดเป็นอะไร และ ที่ไหนนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับกรรมที่กระทำแล้ว กล่าวคือ ผู้ทำกรรมดี เมื่อตายไป กรรมดีให้ผลย่อมเกิดในสุคติภูมิ ได้แก่ ภูมิมนุษย์ ภูมิสวรรค์ ตามควรแก่เหตุ (คือกรรม) ในทางตรงกันข้ามผู้ทำกรรมชั่วไว้ (ถ้ายังไม่บรรลุเป็นพระอริยบุคคล) เมื่อกรรมชั่วนั้นให้ผลย่อมเกิดในอบายภูมิ คือ นรก เปรต อสุรกาย และ สัตว์เดรัจฉาน ตามสมควรแก่กรรม
สำหรับผู้ที่มีกิเลสอยู่นั้น ตายแล้ว เกิดทันที เกิดแน่นอนสังสารวัฏฏ์ก็ยังดำเนินต่อไป มีจิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต) รูป เกิดขึ้นเป็นไป อย่างไม่ขาดสาย ส่วนผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว (ตาย) ย่อมไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ เป็นผู้สิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง ในขณะนี้ ทุกคน ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ในที่สุดแล้ว ก็จะต้องตายด้วยกันทั้งนั้นไหนๆ ก็ต้องตายอยู่แล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะได้ประพฤติตนเป็นคนดี (เป็นคนดียิ่งขึ้น) ตั้งอยู่ในกุศลธรรมและฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ต่อไป จึงจะเป็นผู้มีชีวิตไม่ว่างเปล่าจากประโยชน์ในชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เสียชาติเกิดแล้วที่ได้เป็นคนดี และ ได้สะสมปัญญาจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...