ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๒๔
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๒๔ * *
~ ภิกษุ ไม่ได้อยู่ที่เครื่องแต่งกาย แต่ว่าจะต้องเป็นผู้ที่เข้าใจธรรมที่ถูกต้อง แล้วขัดเกลากิเลส ด้วยการศึกษาพระธรรม เพราะเหตุว่า ถ้าไม่เข้าใจธรรม ไม่มีอะไรที่จะขัดเกลากิเลสได้เลย เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจธรรมแล้วก็ขัดเกลากิเลสตามพระวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ นั่น จึงจะเป็นภิกษุในธรรมวินัย
~ พระธรรมทั้งหมดเพื่อความไม่ประมาท เพื่อเข้าใจถูกว่า กิเลสมีมาก และการค่อยๆ เข้าใจธรรมเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้สามารถละกิเลสได้ ถ้าใครคิดว่า ละกิเลสได้โดยไม่เข้าใจธรรม ผู้นั้นเข้าใจผิด
~ การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้ดับกิเลสถึงความบริสุทธิ์อย่างยิ่งคือไม่มีกิเลสใดๆ เหลือเลย เพราะฉะนั้น คำสอนทุกคำของพระองค์เป็นไปเพื่อการค่อยๆ ขัดเกลาละคลายกิเลส
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้คนที่เคยไม่เข้าใจเลย เป็นผู้ที่เข้าใจความจริงขึ้น และปัญญานั้นก็จะเป็นสังขารขันธ์ (เครื่องปรุงแต่ง) ค่อยๆ ปรุงแต่งให้ความคิดและการกระทำทั้งหมดในชีวิตประจำวัน เป็นไปในทางที่ถูกต้องซึ่งจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเลย
~ ผู้ใดก็ตามที่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็มีความเข้าใจและเห็นประโยชน์ แล้วก็ด้วยความหวังดี ก็แสดงความจริงความถูกต้องของพระธรรมวินัย ให้คนอื่นได้รู้ตามความเป็นจริง นี่คือ จุดประสงค์ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเหตุว่า เราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนโลก ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนคนอื่นได้ แต่สามารถเป็นมิตรหวังดีที่จะให้เขาได้เข้าใจถูก เพื่อ...เมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ก็จะทำให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าตราบใดยังไม่รู้ ไม่มีทางที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องได้เลย
~ ถ้าวันนี้หรือพรุ่งนี้จะจากโลกนี้ไป ยังจะโกรธคนอื่นอยู่หรือไม่? เป็นโทษสำหรับใคร ในขณะที่โกรธ?
~ ไม่มีใครทราบว่า พรุ่งนี้หรือขณะต่อไป กรรมใดจะให้ผล ทุกท่านยังแข็งแรงในขณะนี้ แต่ใครจะทราบว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับเหตุ คือ กุศลกรรมหรืออกุศลกรรม เพราะฉะนั้น หนทางที่ดีที่สุด คือ เป็นผู้ที่ไม่ประมาท ที่จะเจริญกุศล สะสมความดีทุกประการ เท่าที่สามารถจะกระทำได้
~ ความเห็นผิด เป็นอกุศลธรรมประเภทหนึ่ง ซึ่งพัดไป ทำให้ไม่กลับมาสู่ความเห็นถูก เพราะฉะนั้น เป็นอันตรายมาก ถ้ามีความเห็นผิดเพียงเล็กน้อย แล้วจะทำให้ความเห็นผิดนั้น พาไปสู่ความเห็นผิดที่มากขึ้นและลึกขึ้น ก็ยากแก่การที่จะละ
~ ฟังพระธรรม เพื่อละความไม่รู้ เพื่อละกิเลสซึ่งเกิดจากความไม่รู้ ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้ ไม่มีประโยชน์เลย ฟังทำไม? ฟังเพราะอยากรู้ เขาฟังธรรมกัน ก็ฟังตามไปด้วย แต่จุดประสงค์ไม่ใช่อย่างนั้นเลย ฟังอย่างนั้น เป็นการปรารถนา เป็นความต้องการเพื่อตัวเอง แต่นี่เป็นการรู้ว่าไม่รู้อะไรก่อนแล้ว เมื่อได้ฟังแล้วก็สามารถรู้ขึ้น นี่คือ ปลูกฝังความตรงต่อความจริงของธรรมซึ่งยากที่จะมั่นคงได้ แต่ถ้าไม่มีการเห็นประโยชน์ จะไม่มั่นคงเลย นี่คือ เริ่มแล้ว ที่จะให้ไตร่ตรองให้เป็นความเข้าใจของตัวเองว่าจุดประสงค์ของการฟังพระธรรม ตรงอย่างนี้หรือเปล่า? ต้องตรงตั้งแต่ต้น
~ ปลูกฝังความมั่นคงในการที่จะเข้าใจความจริง จึงฟังพระธรรม ไม่ใช่ฟังเพื่อลาภยศเพื่อชื่อเสียงเพื่ออะไรเลย แต่ฟังเพื่อเข้าใจ ตรงไหม? ฟังเพื่อเข้าใจ ต้องตรงตั้งแต่ต้น
~ ธรรมคือสิ่งที่มีจริง ทุกอย่างที่มีจริง มีลักษณะเฉพาะของตน คือ เกิดขึ้นแล้วดับไป อนิจจัง ความไม่เที่ยง ความตั้งอยู่ไม่ได้ ความไม่มี จากไม่มี แล้วมี แล้วหามีไม่ แล้วจะมีทำไม? ตลอดเวลาเป็นอย่างนี้หมด นั่นเป็นทุกข์หรือเปล่า แล้วก็ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับบัญชาได้ เพราะฉะนั้น ไม่มีตัวตน เป็นแต่ธรรมแต่ละหนึ่งๆ ซึ่งเกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป จึงเริ่มเข้าใจความหมายของคำว่า อนัตตา
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า สิ่งที่ดี คือ มีความเป็นมิตร ไม่หวังร้ายกับใครเลย เขาทำผิดจริง แล้วเราจะหวังร้ายต่อเขาหรือว่าจะเป็นเพื่อนกับเขา?
~ ผู้ที่มีความเข้าใจถูก ผู้ที่เป็นคนดี ไม่ว่าอาชีพใดทั้งหมด จะกระทำด้วยความดีและความถูกต้อง และเป็นประโยชน์จริงๆ
~ ทุกคนต้องการเพื่อนคือผู้ที่หวังดีต่อเขา ไม่ว่าเขาจะเคยกระทำผิดประการใดมาก็ตาม ถ้ามีใครสักคนหนึ่งซึ่งมีจิตเมตตาไม่ได้ทำร้ายเขาเลย แต่มีความคิดที่จะให้เขาดีขึ้น เขาก็ต้องรู้ว่าคนนั้นมีความเมตตา มีความหวังดีต่อเขาจริงๆ
~ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพใดทั้งสิ้น ทั้งหมดก็จะอยู่ภายใต้คุณความดี เมื่อเข้าใจธรรม ความดีก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
~ ไม่โกรธ ไม่ว่าอะไรเลย ใครจะว่าอย่างไร จะประทุษร้ายอย่างไร นั่น เรื่องเขา แต่เรื่องของเราคือเราสะสมมาที่จะกระทำตามคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เอาสิ่งที่เป็นโทษมาใส่ใจ
~ จำกัดความเป็นเพื่อนหรือเปล่า? หรือว่าความเป็นเพื่อนเป็นที่ต้องการปรารถนายินดีของทุกคนที่อยากจะมีเพื่อนผู้ที่หวังดีผู้ที่เข้าใจ ตามกำลังที่จะให้เขาได้ แต่ผู้ที่หวังดีจริงๆ คือ ให้เขาเข้าใจถูก ให้เขาเป็นคนดี
~ คำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส นำมาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งหมด ไม่มีโทษแม้สักนิดเดียว
~ ก่อนที่จะทำความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ตัวเองเดือดร้อนก่อนแล้ว กำลังทำ ก็เดือดร้อนด้วย คิดว่าเขาเดือดร้อนฝ่ายเดียว หาใช่ไม่ ตัวเองนั่นแหละที่ทำ เดือดร้อนด้วย ยิ่งกว่าเขาอีก เพราะเป็นผู้กระทำ
~ การดำรงพระธรรม สำเร็จเมื่อมีความเข้าใจพระธรรม แต่พยายามตั้งใจจะดำรงสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่สามารถดำรงไว้ได้ เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่เห็นคุณค่า เห็นความลึกซึ้งและไม่ประมาทในการที่จะได้ให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้องตั้งแต่ต้น เพราะสำคัญที่สุด คือ ตั้งแต่ต้น ที่บอกว่า "ตั้งจิตไว้ชอบ" ศึกษาเพื่ออะไร? เพื่อเข้าใจธรรม ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นเลย ถ้าเพื่ออย่างอื่น จะเข้าใจธรรมไหม?
~ ทุกคนจะไม่รู้เลยว่าเราจะอยู่ในโลกนี้อีกนานเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น ต้องไม่ลืม ว่า ประโยชน์สูงสุดคืออะไร? จะทำให้เรามีความมั่นคงในการที่จะเข้าใจพระธรรม เพราะเป็นโอกาสที่เรามีโอกาสได้ฟังพระธรรม ต่อไปใครจะรู้ว่าจะได้ฟังอีกหรือเปล่า อีกนานเท่าไหร่จะได้ฟัง แต่ขณะที่กำลังเข้าใจนี้แหละ ก็ปลูกฝังความเห็นถูกที่เห็นประโยชน์แล้วก็เป็นปัจจัยที่จะทำให้มีโอกาสได้ฟัง เพราะเหตุว่า ถ้าพระธรรมอันตรธาน (สูญสิ้น) จากโลกนี้ บนสวรรค์ยังมี พรหมโลกยังมี แต่ถ้าไม่มีการเข้าใจธรรมไว้เลย ก็ไม่สามารถที่จะไปถึงตรงนั้น ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็ตาม เพราะฉะนั้น คุณค่าที่สุดของขณะหนึ่งๆ ก็คือ ขณะที่ได้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้วทรงแสดงความจริงให้คนอื่นได้เริ่มเข้าใจจนกระทั่งสามารถที่จะประจักษ์แจ้งได้ คือ ประจักษ์แจ้ง “อริยสัจจธรรม” ความจริงถึงที่สุดที่ทำให้บุคคลนั้นเจริญถึงความเป็นพระอริยะ คือ พ้นจากกิเลสตามลำดับขั้น ไม่เกิดอีกเลย จนกว่าจะถึงการดับกิเลสหมดเป็นพระอรหันต์
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๒๓
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ผู้ใดก็ตามที่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็มีความเข้าใจและเห็นประโยชน์ แล้วก็ด้วยความหวังดี ก็แสดงความจริงความถูกต้องของพระธรรมวินัย ให้คนอื่นได้รู้ตามความเป็นจริง นี่คือ จุดประสงค์ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเหตุว่า เราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนโลก ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนคนอื่นได้ แต่สามารถเป็นมิตรหวังดีที่จะให้เขาได้เข้าใจถูก เพื่อ...เมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ก็จะทำให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าตราบใดยังไม่รู้ ไม่มีทางที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องได้เลย
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ