พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๑. นทีสูตร ว่าด้วยเหตุให้ถึงความพินาศ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  7 ก.ย. 2564
หมายเลข  36857
อ่าน  567

[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 310

ปุปผวรรคที่ ๕

๑. นทีสูตร

ว่าด้วยเหตุให้ถึงความพินาศ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 27]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 1 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 310

ปุปผวรรคที่ ๕

๑. นทีสูตร

ว่าด้วยเหตุให้ถึงความพินาศ

[๒๓๗] กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำไหลไปจากภูเขา พัดเอาหญ้า ใบไม้ และไม้เป็นต้น ไปภายใต้ ไหลไปสู่ที่ไกล มีกระแสอันเชี่ยว ถ้าต้นเลาทั้งหลายพึงเกิดขึ้นที่ริมฝั่งทั้งสองข้างแห่งแม่น้ำนั้น ต้นเลาเหล่านั้นคงย้อยลงไปสู่แม่น้ำนั้นบ้าง ถ้าหญ้าคาทั้งหลายพึงเกิดขึ้น หญ้าคาเหล่านั้นคงจะย้อยไปสู่แม่น้ำนั้นบ้าง ถ้าหญ้ามุงกระต่ายทั้งหลายพึงเกิดขึ้น หญ้ามุงกระต่ายเหล่านั้นคงจะย้อยไปสู่แม่น้ำบ้าง ถ้าหญ้าคมบางพึงเกิดขึ้น หญ้าคมบางเหล่านั้นคงย้อยลงไปสู่แม่น้ำบ้าง ถ้าต้นไม้ทั้งหลายพึงเกิดขึ้น ต้นไม้เหล่านั้นคงเอนลงไปสู่แม่น้ำนั้นบ้าง บุรุษเมื่อถูกกระแสน้ำนั้นพัดไป ถ้าเขาจะพึงจับต้นเลาไซร้ ต้นเลาเหล่านั้น คงหลุดลอยไป เขาจะพึงถึงความพินาศ อันมีการหลุดแห่งต้นเลานั้นเป็นเหตุบ้าง ถ้าเขาจะพึงจับหญ้าคาบ้าง หญ้ามุงกระต่ายบ้าง หญ้าคมบางบ้าง ต้นไม้บ้างไซร้ หญ้าคาเป็นต้นเหล่านั้น จะพึงหลุดไป บุรุษนั้นจะถึงความพินาศ อันมีการหลุดลอยนั้นเป็นเหตุ แม้ฉันใด. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกันนั่นแล ไม่เห็นพระอริยเจ้า ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ได้รับคำแนะนำในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่เห็นสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้รับคำแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ ตามเห็นรูปโดยความเป็นอัตตา เห็นอัตตามีรูป

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 1 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 311

เห็นรูปในอัตตา หรือเห็นอัตตาในรูป (ถ้า) รูปนั้นของเขาย่อยยับไป เขาจักถึงความพินาศ อันมีความย่อยยับนั้นเป็นเหตุ. ปุถุชนนั้น ตามเห็น เวทนา ... สัญญา ... สังขาร ... ตามเห็น วิญญาณ โดยความเป็นอัตตา เห็นอัตตามีวิญญาณ เห็นวิญญาณในอัตตา หรือเห็นอัตตาในวิญญาณ ถ้าวิญญาณนั้นของปุถุชนนั้นย่อยยับไป เขาจะพึงถึงความพินาศ อันมีความย่อยยับนั้นเป็นเหตุ.

[๒๓๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.

ภ. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง?

ภ. ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า.

ภ. เพราะเหตุนั้นแล ภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ รู้ชัดว่า ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี.

จบ นทีสูตรที่ ๑

อรรถกถาปุปผวรรคที่ ๕

อรรถกถานทีสูตรที่ ๑

พึงทราบวินิจฉัย ในนทีสุตรที่ ๑ ดังต่อไปนี้ :-

บทว่า ปพฺพเตยฺยา แปลว่า เป็นไปในภูเขา. บทว่า โอหาริณี ความว่า พัดพาหญ้า ใบไม้ และท่อนไม้ เป็นต้น ที่หล่นลงไปๆ

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 1 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 312

ในกระแสน้ำลงมาข้างล่าง. บทว่า ทูรงฺคมา ความว่า มีปกติไหลไปได้ (ไกล) ถึง ๔๐๐ โยชน์ ๕๐๐. โยชน์ นับตั้งแต่ที่ (เริ่ม) ไหลออก. บทว่า สีฆโสตา แปลว่า มีกระแสเชี่ยวกราก. บทว่า กาสา เป็นต้น หมายถึง ติณชาติทั้งหมด. บทว่า รุกฺขา ได้แก่ ต้นไม้ล้มลุก มีต้นละหุ่งเป็นต้น. บทว่า เต นํ อชฺโฌลมฺเพยฺยุํ ความว่า ต้นไม้เหล่านั้น แม้เกิดอยู่ริมฝั่งน้ำ เอนลงไป มียอดระน้ำห้อยย้อยอยู่ อธิบายว่า ห้อยย้อยอยู่เบื้องบนน้ำ.

บทว่า ปลุชฺเชยฺยุํ ความว่า พึงหล่นลงไปบนศีรษะพร้อมกับดินติดราก บุรุษนั้นถูกหญ้าเลาเหล่านั้น (ล้ม) ทับแล้ว มีน้ำปนทราย ปนดิน ไหลเข้าปาก (เขา) ก็จะพึงประสบกับความพินาศอย่างหนัก.

ในบทว่า เอวเมว โข นี้ มีอธิบายว่า :-

พาลปุถุชนที่อาศัยวัฏฏะ พึงเห็นเหมือนบุรุษที่ตกลงไปในกระแสน้ำ.

เบญจขันธ์ที่ทุรพล พึงเห็นเหมือนต้นเลา เป็นต้น ที่เกิดอยู่ตามริมฝั่งทั้งสองข้าง.

การที่พาลปุถุชนไม่รู้ (ตามความเป็นจริง) ว่า ขันธ์เหล่านี้ไม่ใช่สหายของเรา แล้วยึดถือไว้ด้วยการยึดถือ ๔ อย่าง พึงเห็นเหมือนการที่บุรุษนั้นยึด (ต้นไม้) เพราะไม่รู้ว่าต้นไม้เหล่านี้แม้ยึดไว้แล้วก็จักไม่สามารถรับน้ำหนักเราไว้ได้.

การเกิดขึ้นแห่งความพินาศมีโสกะเป็นต้น แก่พาลปุถุชน ในเพราะขันธ์ที่ยึดไว้ด้วยความยึดถือ ๔ อย่างแปรปรวนไป พึงทราบว่า เหมือนการที่บุรุษ (นั้น) เกิดความพินาศ เพราะต้นไม้ที่ยึดไว้ๆ หลุดไป.

จบ อรรถกถานทีสูตรที่ ๑