พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๑๑. สุตวาสูตร ว่าด้วยธรรมที่ควรใส่ใจโดยแยบคาย

 
บ้านธัมมะ
วันที่  7 ก.ย. 2564
หมายเลข  36887
อ่าน  372

[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 386

๑๑. สุตวาสูตร

ว่าด้วยธรรมที่ควรใส่ใจโดยแยบคาย


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 27]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 1 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 386

๑๑. สุตวาสูตร

ว่าด้วยธรรมที่ควรใส่ใจโดยแยบคาย

[๓๑๕] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโกฏฐิตะอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี ครั้งนั้นแล ท่านพระมหาโกฏฐิตะออกจากที่พักในเวลาเย็น เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่ ฯลฯ ได้ถามว่า ท่านพระสารีบุตร ภิกษุผู้ได้สดับแล้วควรกระทำธรรมเหล่าไหนไว้ใจโดยแยบคาย?

ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ท่านโกฏฐิตะ ภิกษุผู้ได้สดับแล้วควรกระทำอุปาทานขันธ์ ๕ ไว้ในใจโดยแยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โดยเป็นอนัตตา อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นไฉน?

อุปาทานขันธ์คือรูป ฯลฯ อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ ท่านโกฏฐิตะ ภิกษุผู้ได้สดับแล้วควรกระทำอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ไว้ในใจ

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 1 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 387

โดยแยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โดยเป็นอนัตตา ท่านโกฏฐิตะ ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือ ภิกษุผู้ได้สดับแล้วกระทำอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ไว้ในใจโดยแยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โดยเป็นอนัตตา พึงกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล.

[๓๑๖] โก. ท่านพระสารีบุตร ภิกษุผู้เป็นพระโสดาบันเล่าควรกระทำธรรมเหล่าไหนไว้ในใจโดยแยบคาย?

สา. ท่านโกฏฐิตะ แม้ภิกษุผู้เป็นโสดาบันก็ควรทำอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้นั่นแลไว้ในใจโดยแยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โดยเป็นอนัตตา ท่านโกฏฐิตะ ข้อนี้ก็เป็นฐานะที่จะมีได้ คือ ภิกษุผู้เป็นโสดาบันกระทำอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ไว้ในใจโดยแยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โดยเป็นอนัตตา พึงกระทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล ฯลฯ อนาคามิผล ฯลฯ อรหัตตผล.

[๓๑๗] โก. ท่านพระสารีบุตร ภิกษุผู้เป็นอรหันต์เล่าควรกระทำธรรมเหล่าไหนไว้ในใจโดยแยบคาย?

สา. ท่านโกฏฐิตะ แม้ภิกษุผู้เป็นอรหันต์ก็ควรทำอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้นั่นแลไว้ในใจโดยแยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังลูกศร เป็นความคับแค้น เป็นอาพาธ เป็นอื่น เป็นของทรุดโทรม เป็นของสูญ เป็นอนัตตา ท่านโกฏฐิตะ กิจที่จะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไปหรือการสั่งสมกิจที่กระทำแล้วย่อมไม่มีแก่พระอรหันต์ และแม้ถึงธรรมเหล่านี้ที่ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ก็เป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบันและเพื่อสติสัมปชัญญะเท่านั้น.

จบ สุตวาสูตรที่ ๑๑

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 1 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 388

อรรถกถาสุตวาสูตรที่ ๑๑

ในสุตวาสูตรที่ ๑๑ ก็เหมือนกัน คือ มีความหมายง่าย. แต่ว่าในสูตรที่ ๑๐ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสปาริสุทธิศีลไว้ด้วยบทว่า สีลวตา ในสูตรที่ ๑๑ นี้ ตรัสกรรมฐานไว้ด้วยบทว่า สุตวตานี้แล เป็นข้อที่แตกต่างกัน.

จบ อรรถกถาสุตวาสูตรที่ ๑๑