สติเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น [ทุติยสัทธัมมสัมโมสสูตร]

 
pirmsombat
วันที่  12 พ.ค. 2550
หมายเลข  3690
อ่าน  6,031

ขอยกขัอความบางตอนจาก ทุติยสัทธัมมสัมโมสสูตร ว่าด้วยเหตุเสื่อมและเหตุไม่เสื่อมแห่งศาสนา

"อีกประการหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายย่อมบอกธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร นี้เป็นธรรมข้อที่ ๓ ย่อมเป็นไปเพื่อความตั้งมั่น ไม่ลบเลือนเสื่อมสูญแห่งสัทธรรม"

...........................

ในอุเทศว่า "สติ เตสัง นิวารณัง" นี้เรียกว่า สติเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น

กระแส พระพุทธองค์ทรงประกาศแล้วคือ

กระแสตัณหา

กระแสทิฎฐิ

กระแสกิเลส

กระแสทุจริต

กระแสอวิชชา

กระแสเหล่านี้อันปัญญาปิดกั้นไว้ ในอุเทศว่า

"ปญฺญา เยเต ปิถิยฺยเร"

ดังข้อความในพระสูตร ล 67 น 20

[๗๕] (พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนอชิตะ) กระแส เหล่าใดในโลก สติเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น

เรากล่าวธรรมเป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย กระแสเหล่านี้

อันปัญญาย่อมปิดกั้นได้.

[๗๖] คำว่า กระแสเหล่าใดในโลก ความว่า กระแสเหล่านี้ใด

เราบอกแล้ว เล่าแล้ว แสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แต่งตั้งแล้ว เปิดเผยแล้ว

จำแนกแล้ว ทำให้ตื้นแล้ว ประกาศแล้ว คือ กระแสตัณหา

กระแสทิฏฐิ กระแสกิเลส กระแสทุจริต กระแสอวิชชา.

บทว่า ในโลก คือในอบายโลก มนุษยโลก เทวโลก ขันธโลก ธาตุโลก อายตนโลก

เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า กระแสเหล่าใดในโลก พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส

เรียกพราหมณ์นั้นโดยชื่อว่า อชิตะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 13 พ.ค. 2550

สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง ถ้าเราขาดสติสัมปชัญญะแล้ว ไม่สามารถเจริญทั้งสมถะและิวิปัสสนาได้เลย

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แวะเข้ามา
วันที่ 14 พ.ค. 2550
แม้กุศลขั้นทานและศีลก็มีไม่ได้ ถ้าขาดสติ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
อารายเนี่ย
วันที่ 14 พ.ค. 2550

สติเป็นเครื่องกั้นกระแสของกิเลส ขณะที่สติเกิด ขณะนั้น อกุศลไม่เกิด ขอแสดง นัยของสติ อีกประการหนึ่งที่กล่าวว่า บุคคลผู้มีสติย่อมเป็นผู้เจริญ เป็นความดีและได้รับความสุข เมื่อสติเกิด (เป็นกุศล) บุคคลผูมีสติย่อมพ้นจากเวร แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลผู้มีสติ ยังไม่พ้นจากเวรเพราะ สติไม่ได้เกิดตลอดเวลา ขณะที่สติไม่เกิดก็เป็นอกุศล ซึ่งยังมีเวรได้ แต่บุคคลผู้เป็นพระอรหันต์ ชื่อว่า

พ้นจากเวร เพราะดับกิเลสแล้วครับ

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 395

๔. มณิภัททสูตร

ผู้มีส่วนแห่งเมตตาไม่มีเวร

[๘๑๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่เจดีย์ชื่อมณิมาฬกะอันเป็นที่ครอบครองของยักษ์ชื่อมณิภัททะ ในแคว้นมคธ. [๘๑๒] ครั้งนั้นแล ยักษ์ชื่อมณิภัททะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า ความเจริญย่อมมีแก่คนมีสติทุกเมื่อ คนมีสติย่อมได้ความสุข ความดีย่อมมีแก่ คนมีสติเป็นนิตย์ และคนมีสติย่อมหลุดพ้น จากเวร. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ความเจริญย่อมมีแก่คนมีสติทุกเมื่อ คนมีสติย่อมได้ความสุข ความดีย่อมมี แก่คนมีสติเป็นนิตย์ แต่คนมีสติยังไม่ หลุดพ้นจากเวร. [๘๑๓] ผู้ใดมีใจยินดีในความไม่เบียดเบียน ตลอดวันและคืนทั้งหมด และเป็นผู้มี ส่วนแห่งเมตตาในสรรพสัตว์ ผู้นั้นย่อม ไม่มีเวรกับใคร.

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ