บริโภคธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ถ้าเราคิดอย่างนี้เวลากิน จะช่วยลดการติดความอร่อยได้ไหมคับ จะได้ไม่กินมากเกินไปคับ หรือมีวิธีอื่น
อยู่ที่ความเข้าใจและเห็นถูก ถ้าเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นเพียงธาตุหรือธัมมะย่อมไม่มีเราไปคิดอย่างนั้นอย่างนี้ หรือมีรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ผู้ที่มีสติสัมปชัญญะในการบริโภค ขณะนั้นย่อมไม่ติดในรส
ควรฝึกฝนให้เป็นผู้ที่ตรงต่อสภาพธรรม เมื่อสภาพธรรมใดปรากฎ สติเกิดขึ้นก็ระลึกได้ในสภาพธรรมนั้นๆ ถ้าคิดจะหาวิธีทำเมื่อไหร่ ขณะนั้นความเป็นตัวตนก็เข้าแทรกแล้วล่ะค่ะ แม้ความติดในรสก็เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่ง คือโลภะ เพราะติดใจในสุขเวทนา เมื่อยังไม่เห็นโทษก็ลดยาก แต่ทุกครั้งที่สติเกิดขณะนั้นก็เป็นการขัดเกลาไปเรื่อยๆ แต่โดยมากแล้วเรามักจะหลงลืมสติกันค่ะ จึงต้องอบรมกันต่อไปเป็นจิรกาลภาวนา จนกว่าด้ามมีดจะสึก
ทุกอย่างเป็นธรรม เราต้องเข้าใจก่อนว่า กิเลสอะไรที่เราจะต้องละเป็นอันดับแรก คือ ความเห็นผิดยึดถือว่าเป็นเรา ไม่ใช่จะไปละกิเลส คือ ความติดในรส ซึ่งจะดับได้เมื่อเป็นพระอนาคามี ดังนั้น โลภะที่ติดในรส มีเหตุปัจจัยก็เกิดครับ หนทางเดียวคือ ระลึกสภาพที่ติดในรส ว่าไม่ใชเราที่ติด แต่เป็นธัมมะอย่างหนึ่ง ซึ่งการจะถึงสติระดับนี้ที่กล่าวมา ก็ต้องอบรมปัญญาจากขั้นการฟังก่อนว่า ธรรมคืออะไร อยู่ในขณะไหน และปัญญาจะต้องรู้อะไรครับ ถึงแม้เราจะคิดถูก (สติขั้นคิดนึก) ว่าเป็นเพียงธาตุที่บริโภค กุศลเกิดในขณะนั้น แต่ขณะต่อมาก็เป็นอกุศลอีก (สติไม่ได้เกิดตลอดเวลา) และที่สำคัญขณะที่คิดว่าเป็นเพียงธาตุ ขณะนั้นก็เป็นเราที่คิด ไม่ได้รู้ว่าเป็นธัมมะ ดังนั้น หนทางเดียวคือ ไม่ใช่ไม่ให้กิเลสไม่เกิด (ทำไม่ได้อยู่แล้ว) แต่อบรมปัญญา ด้วยการระลึกสภาพธัมมะที่เป็นกิเลส ว่าไม่ใช่เรา เป็นธัมมะครับ
ขอให้เจริญในธรรมทุกๆ ท่าน ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย