ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๒๕
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๒๕ * *
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ไม่ได้ต้องการอะไรจากสัตว์โลกเลยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ธูปเทียนอะไรๆ ทั้งหมด พระประสงค์ก็คือ มีพระมหากรุณาให้คนอื่นได้เข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้ซึ่งไม่สามารถที่จะเข้าใจเองได้ เพราะฉะนั้น ทุกคำ ต้องศึกษาด้วยความเคารพ
~ ความคิดที่ไม่ถูก มารวมกัน เป็นโทษหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น ใครก็แก้ไขใครไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีอำนาจหรืออย่างไรก็ตาม จนกว่าแต่ละคนจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า อะไรถูก อะไรผิด นั่นคือ การแก้
~ ประโยชน์ที่สุดของชีวิต คือ ขณะที่เข้าใจธรรม แล้วเราค่อยๆ ศึกษาค่อยๆ เข้าใจแล้วก็ยังช่วยคนอื่นโดยการกล่าวถึงคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เขาไตร่ตรองจนกระทั่งเกิดความเห็นถูกความเข้าใจถูก นี้ก็เป็นกัลยาณมิตร เป็นเพื่อนที่ดีตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญเป็นแบบอย่าง
~ กล่าวความจริงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โดยไม่หวัง จึงไม่เดือดร้อน ไม่ว่าใครจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ใครจะเข้าใจผิดหรือกล่าวคำว่าร้ายต่างๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของความไม่รู้ ใช่ไหม? แต่ไม่เป็นสิ่งที่เราจะต้องไปโกรธเคืองอะไรเลย เพราะเขาไม่รู้ รักษาใจไม่ใช่ใจคนอื่น แต่รักษาใจตัวเอง
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสรู้แล้วจึงทรงแสดงความจริง เพื่ออนุเคราะห์ให้คนอื่นได้มีความเข้าใจถูกได้มีความเห็นถูกซึ่งไม่สามารถที่จะรู้ได้ด้วยตัวเอง
~ โรคไม่รู้มากมายมหาศาล เพราะฉะนั้น รักษาโรคไม่รู้ซึ่งเป็นเหตุนำมาซึ่งโรคอื่นๆ สารพัดโรคที่ทำให้จิตใจไม่สะอาดเพราะเหตุว่าแปดเปื้อนด้วยกิเลสนานาชนิด ซึ่งต้องใช้เวลานานมากในการรักษา เพราะเหตุว่าเป็นโรคนี้มานานเท่าไหร่ในสังสารวัฏฏ์
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทุกคำ อนุเคราะห์ไม่ให้หลงผิด เป็นที่พึ่งจริงๆ
~ อกุศลแม้นิดเดียว มีแล้ว ก็จะเพิ่มขึ้นงอกงามขึ้น แล้วใครจะรู้ว่าวันไหนชาติไหน จะทำอย่างคนที่เราเห็นว่าเขาได้ทำอกุศลกรรม ซึ่งต้องระวังด้วย ถ้าชาตินี้เราประมาท ชาติหน้าเราทำ (อกุศลกรรม) อย่างนั้นได้แน่นอน เพราะกิเลสทุกวัน เพิ่มทุกวัน
~ คนด่าเรา เขาน่าสงสารที่สุด เขาด่าเรา แต่เราไม่ได้โกรธเขาเลย มาด่าเราทำไม เราไม่ได้ไปทำอะไรให้เขาเดือดร้อนเลย แต่เขาด่าเรา เขาไม่ชอบเรา เขาเดือดร้อน
~ ทำไมไม่ทำสิ่งที่ถูก กลัวอะไร? ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวเลย เพราะเหตุว่าสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ควรทำ คำจริงก็เป็นคำที่ควรพูด ผิดตรงไหน ได้ประโยชน์หรือเปล่า ถ้าได้ประโยชน์ก็ช่วยกันพูดคำจริง
~ ถ้ามีความเข้าใจแล้ว ทุกชีวิตก็จะเจริญขึ้นในทางฝ่ายดี
~ ชีวิตที่เหลือ ควรที่จะให้เป็นประโยชน์สูงสุด คือ ฟังพระธรรม รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ค่อยๆ เข้าใจ แล้วกุศลทั้งหลายก็จะเจริญขึ้น ใครจะเกลียดเรา นั่นเรื่องของเขา แต่ถ้าเราเกลียดคนอื่น ดีหรือ? ขณะนั้น เป็นอกุศล เร่าร้อน แล้วก็จะทำสิ่งที่ไม่ดีซึ่งให้โทษทั้งกับตนเองและคนอื่น ไม่มีประโยชน์อะไรเลยทั้งสิ้น
~ พุทธบริษัท ไม่ใช่มีแต่เฉพาะพระภิกษุ อุบาสกอุบาสิกาก็สามารถที่จะเข้าใจพระธรรมได้ เพราะว่า ปัญญาจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่ามีเพศหญิงเพศชาย ไม่มีเด็กไม่มีผู้ใหญ่ ปัญญาเป็นสภาพธรรมที่เข้าใจ อยู่ตรงไหนก็ได้ ที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ แต่มีเหตุที่จะให้เกิด ถ้าไม่มีเหตุก็เกิดไม่ได้
~ ใครเป็นใคร เขาก็ต้องได้รับผลของเหตุที่ได้กระทำแล้วทั้งนั้น ใครก็ไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่เรามีจิตเมตตาได้ เห็นโทษภัยใหญ่หลวงซึ่งเขาไม่เห็น แต่เพราะเขาไม่เห็น เขาจึงทำ ถ้าเห็น (โทษภัยของสิ่งที่ไม่ดี) แล้วจะไม่มีใครกล้าทำสิ่งที่ไม่ดีเลย เพราะโทษมหาศาล แต่เพราะไม่รู้เขาจึงทำ
~ หน้าที่ของเรา ก็คือ มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้เห็นคุณค่ามหาศาลแล้วก็มีความหวังดีที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกในความเป็นจริง ซึ่งยากที่จะรู้ได้ แต่ถ้าไม่เริ่มรู้วันนี้ เมื่อไหร่จะรู้?
~ ค่าของชีวิตอยู่ตรงนี้ คือ อยู่ตรงที่สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงซึ่งแสนที่จะลึกซึ้ง แต่สามารถค่อยๆ เข้าใจ ค่อยๆ ขัดเกลา ค่อยๆ ตั้งมั่น ค่อยๆ มั่นคงขึ้นได้
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงเรื่องของอกุศลไว้มาก เพื่อให้เห็นโทษ ใครที่ยังไม่เห็นโทษของอกุศล ก็ยังประมาทอยู่ เพราะคิดว่ามีกุศลพอแล้ว แต่ถ้าเห็นโทษของอกุศลมากๆ จะเป็นผู้ที่ไม่ประมาท
~ การฟังพระธรรม จะมีประโยชน์ทั้งหมด ทุกกาล บางทีโอกาสนี้อาจจะไม่สามารถประพฤติปฏิบัติตามได้ แต่เมื่อฟังไปๆ ก็ย่อมมีปัจจัยที่จะทำให้กุศลธรรมเจริญขึ้น และอกุศลก็ค่อยๆ ลดลง
~ คนที่กล่าวคำต่างๆ กำลังโกรธ หรือกำลังเข้าใจผิด หรือกำลังเหลวไหล กำลังพูดสิ่งที่ไม่มีสาระ ทำไมใจของท่านถึงจะเดือดร้อนกับคำที่ไม่มีสาระ เรื่องที่ไม่มีสาระเหล่านั้น ควรที่จะเมตตาในผู้ที่ถูกครอบงำด้วยอวิชชาและอกุศลธรรมซึ่งเกิดขึ้นและดับไป ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน แต่เป็นเหตุที่จะให้ได้รับอกุศลวิบากสำหรับบุคคลนั้น เพราะฉะนั้น ก็เป็นผู้ที่น่าสงสารมากกว่าที่จะน่าโกรธ
~ ถ้าคนในชาติที่รวมกัน แต่ละหนึ่งๆ เป็นธรรมที่ดีเกิดขึ้นเป็นไป ก็จะไม่เดือดร้อน ไม่มีปัญหาใดๆ เลยทั้งสิ้น
~ ความหวังดี คือ ไม่ให้เขาตกไปในฝ่ายความเห็นผิดซึ่งจะติดตามไปทุกชาติ
~ ฟังพระธรรมแล้วก็ไตร่ตรองแล้วก็เข้าใจขึ้นเพื่อที่จะเป็นผู้ที่อาจหาญร่าเริงที่จะสละความไม่รู้และอกุศลทั้งหลาย เมื่อเข้าใจธรรม ก็จะมีชีวิตที่เป็นไปในกุศลธรรม คือ ความถูกต้อง
~ ใครจะรู้ว่าใครจะอยู่ในโลกนี้อีกนานเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ประเสริฐที่สุด คือ ความเข้าใจถูกความเห็นถูก ไม่มีเรา มีแต่ธรรมประเภทนั้นๆ ซึ่งเกิดขึ้น ธรรมฝ่ายดีก็ให้ประโยชน์ ไม่นำโทษมาให้ ธรรมฝ่ายที่ไม่ดี ก็นำแต่โทษมาให้ คำนึงถึงข้อนี้หรือเปล่า ว่า ผลที่จะเกิดขึ้นข้างหน้ารออยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าสามารถที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดได้ ทำเลย นี่เป็นความหวังดีจริงๆ
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๒๔
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กล่าวความจริงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โดยไม่หวัง จึงไม่เดือดร้อน ไม่ว่าใครจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ใครจะเข้าใจผิดหรือกล่าวคำว่าร้ายต่างๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของความไม่รู้ ใช่ไหม? แต่ไม่เป็นสิ่งที่เราจะต้องไปโกรธเคืองอะไรเลย เพราะเขาไม่รู้ รักษาใจไม่ใช่ใจคนอื่น แต่รักษาใจตัวเอง
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และอนุโมทนาค่ะ