เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 140
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร สตรี บุรุษคฤหัสถ์หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความมัวเมาในชีวิตมีอยู่แก่สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อเขาพิจารณาฐานะนั้นอยู่เนืองๆ ย่อมละความมัวเมาในชีวิตนั้นได้โดยสิ้นเชิงหรือทำให้เบาบางลงได้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้แล สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีความตายเป็นธรรมดาไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
ถ้าเราพิจารณาทุกๆ วันว่าเราจะต้องตายแน่ๆ ในวันหนึ่ง ทำให้เราไม่ประมาทกับการทำความดี โดยเฉพาะขณะที่สติปัฏฐานเกิดระลึกสภาพธรรมที่มีจริงขณะนี้เป็นลาภที่ประเสริฐกว่าลาภ คือ ยศสรรเสริญใดๆ
เมื่อมีอะไรเกิดก็ต้องมีดับทันที ดับไปแล้ว และไม่กลับมาอีกดังท่านอาจาร์ยได้กล่าว ไม่มีแก่นสารอะไรเลยว่าเป็นเรา สัตว์ บุคคล ดับจริงๆ แต่เพราะเราเคยชินเสมือนว่าเห็นไม่ดับ เสียงไม่ดับ กลิ่นไม่ดับ รสไม่ดับ แข็งไม่ดับ เพราะโลภะปิดบัง
เมื่อมีเกิด ก็ต้องมีตาย แน่นอนอยู่แล้ว แต่บอกตามตรงว่า ก็ยังกลัวตายอยู่ดีกลัวจะไม่ได้เกิดมาในอัตตภาพนี้ กลัวว่าจะต้องจากบุคคลอันเป็นที่รัก และสิ่งทั้งหลายที่สมมติว่าเป็นของเรา ไม่ว่าจะอ่านสักกี่ครั้ง ฟังสักกี่เที่ยว ก็ยังกลัว จะให้บอกว่าไม่กลัว ก็คงจะมุสา ถ้าถามว่าเข้าใจพระธรรมที่อ่าน หรือที่ได้ฟังไหม เข้าใจอย่างซาบซึ้งทั้งอรรถและพยัญชนะ แต่ขอสารภาพว่า เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ กลัวก็ส่วนกลัว จิตคนละขณะก็ปัญญาแค่นี้ จะละอะไรได้ สงสัยว่าคงเป็นเหมือนในพระสูตร เรื่องลูกหมูพี่น้องสองตัว ลูกหมูตัวน้องที่กลัวตาย เกิดอีกก็กลัวอีก สะสมความกลัวจนเป็นอุปนิสสัยที่ไม่ดี
อนุโมทนาค่ะ
เกิดแล้วตาย เกิดอีกแล้วตาย เพราะได้กระทำกรรมมามากมายในอดีต ชาตินี้ได้ฟังพระธรรม ธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดง เป็นธรรมอันประเสริฐ ละเอียดสุขุม ลึกซึ้ง ลุ่มลึก และยากจะเห็นได้ แต่ท่านอาจารย์สุจินต์ ท่านได้นำพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มาแสดงได้ตรงตามพระธรรม ทำให้ได้ศึกษาได้ฟังตามควรแก่ความเข้าใจ
ขอกราบท่านอาจารย์ค่ะ
ชีวิตที่เกิดมา ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมน่าเสียดายที่สุดในชาตินี้ เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้อาจจะไม่ได้เป็นบุคคลในชาตินี้ก็ได้ กุศลทำดีเท่าไรก็ไม่พอ ดังท่านอาจารย์ที่กล่าวมาแล้ว
เมื่อใดมีเกิด เมื่อนั้นมีทุกข์ เมื่อใดไม่มีเกิด เมื่อนั้นไม่มีทุกข์ หนทางเดียวคือ ศึกษาพระสัทธรรมโดยละเอียดแล้วน้อมนำมาปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ ปัญญาเกิดได้ที่ศรัทธา ไม่ได้เกิดด้วยโลภะ ที่สำคัญ คือ ศึกษาเพื่อละความไม่รู้ ละความเห็นผิด ละอกุศลที่หนาแน่น