ทำไมกุศลจิต เป็นสสังขาริก
ในพระอภิธรรมปิฎก พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมตามความเป็นจริงว่า กุศลจิตมีหลายประเภท บางครั้งกุศลเกิดขึ้นเองมีกำลัง ไม่มีการชักชวน ในบางครั้งกุศลจิตมีกำลังอ่อนเกิดขึ้นเพราะถูกชักชวน เพราะมีจิตที่เกิดขึ้นแตกต่างกันเป็นประเภทต่างๆ พระพุทธองค์จึงทรงแสดงไว้ตามเป็นจริงที่เกิดขึ้น
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...
จิตแบ่งได้เป็น ๔ ภูมิ คือ กามาวจรภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ และโลกุตรภูมิ
กามาวจรภูมินั้น มีจิตที่เป็นกุศล และอกุศล (รวมทั้งวิบากและกิริยา) ซึ่งมีทั้งที่เป็นสสังขาริกและอสังขาริก แต่จิตในรูปภูมิ อรูปภูมิ และโลกุตรภูมินั้น ไม่มีชาติอกุศล และจัดเป็นสสังขาริกทั้งหมด (และเป็นญาณสัมปยุตต์ทุกดวง) เนื่องจากจิตในภูมิเหล่านี้จะเกิดขึ้นเองไม่ได้ แต่ต้องมีการอบรมเจริญภาวนา (ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หนังสือ ปรมัตถธรรมสังเขป บทที่ ๑๒)
ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ต้องการขัดเกลากิเลส จึงต้องอาศัยกัลยาณมิตรคอยแนะนำและต้องไม่ขาดการฟังธรรม เพื่อเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้เกิดการอบรมเจริญปัญญา จนกว่าโลกุตตรจิต ซึ่งเป็นสสังขาริกจิต เกิดขึ้นทำกิจดับกิเลสไปตามลำดับขั้น
I have to agree with Werayut.S that if we are well aware of the eight Kusala Cittas and the eight Akusala Cittas from Lobha. We are already won half of the battle against Moha.
จิตทั้งหมดมี ๘๙ หรือ ๑๒๑ ดวง เพราะฉะนั้นจิตก็มีหลายประเภทไม่เหมือนกัน แม้แต่จิตที่เป็นกุศลยังมีความแตกต่างกันโดยถูกชักชวน เช่น เพื่อนชวนไปทำบุญบ้าน ไปด้วยความเกรงใจ จิตที่เป็นกุศลมีกำลังอ่อน ไม่เหมือนกับเราไปทำบุญเองโดยไม่มีคนอื่นชวน เป็นจิตที่มีกำลัง แต่ก็ยังมีความต่างกันออกไปอีก โดยกุศลจิตที่มีโสมนัสเกิดร่วมด้วย หรือเป็นอุเบกขา และกุศลที่ทำประกอบด้วยปัญญาหรือไม่ประกอบด้วยปัญญา เพราะฉะนั้นแล้วแต่การสะสมของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ
ขอเรียนถาม ความเห็นที่ ๕ บทที่ ๑๒ อยู่ในหัวข้ออะไร เพราะหนังสือที่มีอยู่มีแต่
หัวข้อ ไม่มีบทที่