เรารู้ได้อย่างไรว่าเป็นสติปัฏฐาน หรือแค่เราคิดไปเองว่ามันเป็น

 
lokiya
วันที่  14 ก.ย. 2564
หมายเลข  37334
อ่าน  528

สงสัยว่ามันเป็นสติปัฏฐานหรือไม่เพราะอาจจะคิดเองก็ได้ อะไรจะบ่งชี้ได้ว่าเป็น หรือเป็นเพียงแค่คิดเรื่องปรมัตถธรรมเท่านั้น


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 15 ก.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอเชิญอ่านคำบรรยายท่าน อ.สุจินต์ ในเรื่องนี้ครับ

ท่าน อ.สุจินต์... ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวถึงความต่างกันว่าขณะที่เป็นสติปัฏฐานที่เกิดแล้วก็กำลังรู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ ขณะนั้นไม่ใช่คิด แต่ใครจะห้ามไม่ให้คิดห้ามไม่ได้เลย แต่ต้องสามารถที่จะมีความเข้าใจความต่างว่าขณะที่คิดไม่ได้รู้ลักษณะของสภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด เพราะว่าส่วนใหญ่การคิดก็จะคิดเป็นคำ เป็นเรื่องราวของสภาพธรรมนั้น อย่างขณะที่แข็งปรากฏ บางคนก็เกิดจะคิดว่าแข็งเป็นรูปธรรมชนิดหนึ่ง อาจจะต่อไปถึงว่าปรากฏทางกาย นั่นคือคิด แต่ขณะใดก็ตามที่ลักษณะนั้นแม้ปรากฏกับจิตที่กำลังรู้แข็ง แต่ก็มีสติเกิดที่จะทำให้เห็นว่าเป็นความต่างของขณะที่กำลังรู้แข็งโดยที่สติสัมปชัญญะไม่ได้เกิดรู้แข็งนั้น เป็นแต่เพียงการรู้แข็งของจิตที่รู้ลักษณะของสิ่งที่กระทบกายว่าแข็ง แต่เนื่องจากการฟังเข้าใจก็จะรู้ว่าแข็งมีจริง เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง เป็นสภาพธรรมที่เกิดดับ และแข็งมีเพราะเป็นอายตนะต้องมีในขณะที่จิตเป็นมนายตนะกำลังรู้สิ่งนั้นและก็ต้องมีกายปสาทเป็นกายายตนะด้วย คือทั้งหมดนี่เป็นคำที่แสดงความละเอียดที่จะให้เห็นว่าแม้เพียงลักษณะแข็งที่มีจริง ก็เป็นสภาพธรรมซึ่งถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้องก็จะรู้ว่ากำลังรู้ลักษณะหรือว่ากำลังคิดเรื่องราวของแข็ง เพราะฉะนั้นเวลาที่เป็นสติปัฏฐานไม่ใช่กำลังคิดคำ แต่กำลังมีลักษณะนั้นปรากฏที่จะค่อยๆ เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงว่าเป็นลักษณะซึ่งต่างกับลักษณะอื่น เพราะตลอดชีวิตก็จะมีลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏทั้งนั้นเลย ทางตาก็เป็นธรรม ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทั้งหมดเป็นธรรม แต่เมื่อไม่รู้ก็ค่อยๆ ฟังจนกระทั่งค่อยๆ เข้าใจ จนกระทั่งเป็นปัจจัยที่จะทำให้มีการระลึกรู้ลักษณะที่กำลังปรากฏซึ่งต่างกับคิด เพราะฉะนั้นก็สามารถที่จะรู้ขณะที่หลงลืมสติซึ่งต่างกับขณะที่สติสัมปชัญญะกำลังรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏตามปกติทีละเล็กทีละน้อยจนกว่าความรู้นั้นจะชัดเจนขึ้น ถูกต้องขึ้น

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
lokiya
วันที่ 15 ก.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 15 ก.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสััมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งสำคัญ คือ การมีโอกาสไดัฟังเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ซึ่งมีจริงๆ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นธรรม การสะสมความเข้าใจตั้งแต่ต้นจะเป็นรากฐานสำคัญนำไปสู่การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องได้ เพราะเรื่องของสติปัฏฐานนั้นเป็นปกติ ไม่ใช่เรื่องทำ แต่เป็นกิจหน้าที่ของธรรมฝ่ายดี มีสติและปัญญา เป็นต้น เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง

สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ นั่นเอง ที่จะเป็นที่ตั้งให้สติเกิดขึ้นระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ และปัญญารู้ตามความเป็นจริง (สติปัฏฐาน) เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย จริงๆ ไม่ใช่เรื่องหวัง ไม่ใช่เรื่องต้องการ ไม่ใช่เรื่องของความจดจ้อง ไม่ใช่เรื่องของการไปกระทำอะไรด้วยความเป็นตัวตน ด้วยความเห็นผิด และ ด้วยความไม่รู้ แต่เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาไปตามลำดับ เกิดเมื่อใด ก็เมื่อนั้น รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง

เรื่องเจริญสติปัฏฐาน เป็นเรื่องของปัญญาที่เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง สติเกิดขึ้นระลึกและปัญญารู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมในขณะนี้

การเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ว่าเป็นเรื่องที่จะต้องอาศัยการฟังในสิ่งที่มีจริงเนืองๆ บ่อยๆ พิจารณาเหตุผลแล้วก็เจริญเหตุให้สมควรแก่ผลด้วย ธรรม คือ สิ่งที่มีจริง มีจริงในขณะนี้ หนทางที่จะเป็นไปเพื่อการรู้ธรรมตามความเป็นจริง ก็มีจริง แต่ต้องเป็นหนทางแห่งปัญญา

เพราะฉะนั้นก็ต้องกลับมาที่ฟังพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ แม้ว่าจะมีสภาพธรรมที่มีจริง ก็ไม่สามารถเข้าใจตามความเป็นจริงได้เลย ย่อมไม่มีเหตุที่จะให้สติปัฏฐานเกิดขึ้นได้เลย ครับ

ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

ก่อนจะถึง ... สติปัฏฐาน

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 15 ก.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ค่อยๆศึกษา
วันที่ 19 ก.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ