๑๑. นิรามิสสูตร ว่าด้วยปีติสุขมีอามิสและไม่มี
[เล่มที่ 29] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้า 61
๑๑. นิรามิสสูตร
ว่าด้วยปีติสุขมีอามิสและไม่มี
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 29]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้า 61
๑๑. นิรามิสสูตร
ว่าด้วยปีติสุขมีอามิสและไม่มี
[๔๔๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปีติมีอามิสมีอยู่ ปีติไม่มีอามิสมีอยู่ ปีติที่ไม่มีอามิสกว่าปีติที่ไม่มีอามิสมีอยู่ สุขมีอามิสมีอยู่ สุขไม่มีอามิสมีอยู่ สุขไม่มีอามิสกว่าสุขไม่มีอามิสมีอยู่ อุเบกขามีอามิสมีอยู่ อุเบกขาไม่มีอามิสมีอยู่ อุเบกขาไม่มีอามิสกว่าอุเบกขาไม่มีอามิสมีอยู่ วิโมกข์มีอามิสมีอยู่ วิโมกข์ไม่มีอามิสมีอยู่ วิโมกข์ไม่มีอามิสกว่าวิโมกข์ไม่มีอามิสมีอยู่.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้า 62
[๔๔๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ปีติมีอามิสเป็นไฉน. กามคุณ ๕ เหล่านี้ กามคุณ ๕ เป็นไฉน. คือ รูปที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด ฯลฯ โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งด้วยกาย อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กามคุณ ๕ เหล่านี้แล ปีติเกิดขึ้นเพราะอาศัยกามคุณ ๕ เหล่านี้ เราเรียกว่า ปีติมีอามิส.
[๔๔๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ปีติไม่มีอามิสเป็นไฉน. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตกวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ นี้เราเรียกว่า ปีติไม่มีอามิส.
[๔๔๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ปีติไม่มีอามิสกว่าปีติไม่มีเป็นไฉน. ปีติที่เกิดขึ้นแก่ภิกษุขีณาสพผู้พิจารณาเห็นจิตชึ่งหลุดพ้นแล้วจากราคะ จาก โทสะ จากโมหะ นี้เราเรียกว่า ปีติไม่มีอามิสกว่าปีติไม่มีอามิส.
[๔๕๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สุขมีอามิสเป็นไฉน. กามคุณ ๕ เหล่านี้ กามคุณ ๕ เป็นไฉน. คือ รูปที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด ฯลฯ โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งด้วยกายอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กามคุณ ๕ เหล่านี้ สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยกามคุณ ๕ เหล่านี้ นี้เราเรียกว่า สุขมีอามิส.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้า 63
[๔๕๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สุขไม่มีอามิสเป็นไฉน. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ ฯลฯ เธอมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข นี้เราเรียกว่า สุขไม่มีอามิส.
[๔๕๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สุขไม่มีอามิสกว่าสุขไม่มีอามิสเป็นไฉน. สุขโสมนัสที่เกิดขึ้นแก่ภิกษุขีณาสพผู้พิจารณาเห็นจิตซึ่งหลุดพ้นแล้วจากราคะ จากโทสะ จากโมหะ นี้เราเรียกว่า สุขไม่มีอามิสกว่าสุขไม่มีอามิส.
[๔๕๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อุเบกขามีอามิสเป็นไฉน. กามคุณ ๕ เหล่านี้ กามคุณ ๕ เป็นไฉน. คือรูปที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด ฯลฯ โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งด้วยกายอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กามคุณ ๕ เหล่านี้แล อุเบกขาเกิดขึ้นเพราะอาศัยกามคุณ ๕ เหล่านี้ เราเรียกว่า อุเบกขามีอามิส.
[๔๕๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อุเบกขาไม่มีอามิสเป็นไฉน. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุจตุตถฌานอันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ นี้เราเรียกว่า อุเบกขาไม่มีอามิส.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้า 64
[๔๕๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อุเบกขาไม่มีอามิสกว่าอุเบกขาไม่มีอามิสเป็นไฉน. อุเบกขาเกิดขึ้นแก่ภิกษุขีณาสพผู้พิจารณาเห็นจิตซึ่งหลุดพ้นแล้วจากราคะ จากโทสะ จากโมหะ นี้เราเรียกว่า อุเบกขาไม่มีอามิสกว่าอุเบกขาไม่มีอามิส.
[๔๕๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็วิโมกข์มีอามิสเป็นไฉน. วิโมกข์ที่ปฏิสังยุตด้วยรูป ชื่อว่าวิโมกข์มีอามิส วิโมกข์ที่ไม่ปฏิสังยุตด้วยรูป ชื่อว่าวิโมกข์ไม่มีอามิส.
[๔๕๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็วิโมกข์ไม่มีอามิสกว่าวิโมกข์ไม่มีอามิสเป็นไฉน. วิโมกข์เกิดขึ้นแก่ภิกษุขีณาสพผู้พิจารณาเห็นจิตซึ่งหลุดพ้นแล้วจากราคะ จากโทสะ จากโมหะ นี้เราเรียกว่าวิโมกข์ไม่มีอามิสกว่าวิโมกข์ไม่มีอามิส.
จบ นิรามิสสูตรที่ ๑๑
อรรถกถานิรามิสสูตรที่ ๑๑
พึงทราบวินิจฉัยในนิรามิสสูตรที่ ๑๑ ดังต่อไปนี้.
บทว่า สามิสา ปีติมีอามิสด้วยอามิสคือกิเลส. บทว่า นิรามิสตรา ความว่า ปีติที่ไม่มีอามิสกว่าปีติในฌานแม้ที่ไม่มีอามิส. ถามว่า ก็ในฌาน ๒ ปีติย่อมเป็นมหัคคตะก็มี ย่อมเป็นโลกุตตระก็มี. ปีติในปัจจเวกขณญาณย่อมเป็นโลกิยะอย่างเดียวมิใช่หรือ เพราะเหตุไร ปีตินั้น จึงไม่มีอามิสกว่าเล่า. ตอบว่า เพราะเกิดขึ้นแล้ว ด้วยสามารถแห่งการพิจารณาซึ่งธรรมอัน
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้า 65
สงบและประณีต. เหมือนคนรับใช้ เป็นคนโปรดของพระราชา เข้าไปสู่ราชตระกูลได้ตามสบายไม่มีใครขัดขวาง แม้จะเอาเท้าถีบเศรษฐี และเสนาบดีเป็นต้นก็ได้ เพราะเหตุอะไร เพราะเป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดของพระราชา. ด้วยเหตุนี้ คนรับใช้นั้น ย่อมเป็นผู้ยิ่งกว่าเศรษฐีเป็นต้นเหล่านั้น ฉันใด. ปีติแม้นี้ พึงทราบว่า ยิ่งกว่าแม้ปีติในโลกุตตระ เพราะเกิดขึ้นแล้วด้วยสามารถแห่งการพิจารณาธรรมอันสงบและประณีตฉันนั้น. แม้ในวาระที่เหลือ ก็มีนัยนี้ทั้งนั้น.
ส่วนในวาระแห่งวิโมกข์ วิโมกข์อันประกอบด้วยรูป ชื่อว่ามีอามิสด้วยสามารถอามิสคือรูป อันเป็นอารมณ์ของตน. ที่ไม่ประกอบด้วยรูป ชื่อว่าไม่มีอามิส โดยไม่มีอามิสคือรูป.
จบ อรรถกถานิรามิสสูตรที่ ๑๑
จบ อรรถกถาอัฏฐสตปริยายวรรคที่ ๓
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑ สิวกสูตร
๒. อัฏฐสตปริยายสูตร
๓. ภิกขุสูตร
๔. ปุพพสูตร
๕. ญาณสูตร
๖. ภิกขุสูตร
๗. ปฐมสมณพราหมณสูตร
๘. ทุติยสมณพราหมณสูตร
๙. ตติยสมณพราหมณสูตร
๑๐. สุทธิกสูตร
๑๑. นิรามิสสูตร.
จบ เวทนาสังยุต