๑. จัณฑสูตร ว่าด้วยคนดุและคนสงบเสงี่ยม
[เล่มที่ 29] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้า 177
๘. คามณิสังยุต
๑. จัณฑสูตร
ว่าด้วยคนดุและคนสงบเสงี่ยม
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 29]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้า 177
๘. คามณิสังยุต
๑. จัณฑสูตร
ว่าด้วยคนดุและคนสงบเสงี่ยม
[๕๘๖] ครั้งนั้นแล นายจัณฑคามณีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้บุคคลบางคนในโลกนี้ ถึงความนับว่า เป็นคนดุ เป็นคนดุ ก็อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้บุคคลบางคนในโลกนี้ถึงความนับว่า เป็นคนสงบเสงี่ยม เป็นคนสงบเสงี่ยม. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนนายคามณี คนบางคนในโลกนี้ยังละราคะไม่ได้ เพราะเป็นผู้ยังละราคะไม่ได้ คนอื่นจึงยั่วให้โกรธ คนที่ยังละราคะไม่ได้เมื่อถูกคนอื่นยั่วให้โกรธ ย่อมแสดงความโกรธให้ปรากฏ ผู้นั้นจึงนับได้ว่าเป็นคนดุ. คนบางคนในโลกนี้ยังละโทสะไม่ได้ เพราะเป็นผู้ยังละโทสะไม่ได้ คนอื่นจึงยั่วให้โกรธ คนที่ยังละโทสะไม่ได้เมื่อถูกคนอื่นยั่วให้โกรธ ย่อมแสดงความโกรธให้ปรากฏ ผู้นั้นจึงนับได้ว่าเป็นคนดุ. คนบางคนในโลกนี้ยังละโมหะไม่ได้ เพราะเป็นผู้ยังละโมหะไม่ได้ คนอื่นจึงยั่วให้โกรธ คนที่ยังละโมหะไม่ได้ ถูกคนอื่นยั่วให้โกรธย่อมแสดงความโกรธให้ปรากฏ ผู้นั้นจึงนับได้ว่าเป็นคนดุ ดูก่อนนายคามณี นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้คนบางคนในโลกนี้ถึงความนับว่าเป็นคนดุ เป็นคนดุดังนี้.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้า 178
[๕๘๗] ดูก่อนนายคามณี อนึ่ง คนบางคนในโลกนี้ละราคะได้แล้ว เพราะเป็นผู้ละราคะได้ คนอื่นยั่วก็ไม่โกรธ คนที่ละราคะได้แล้ว ถูกคนอื่นยั่วให้โกรธก็ไม่แสดงความโกรธให้ปรากฏ ผู้นั้นจึงนับได้ว่าเป็นคนสงบเสงี่ยม. คนบางคนในโลกนี้ละโทสะได้แล้ว เพราะเป็นผู้ละโทสะได้ คนอื่นยั่วก็ไม่โกรธ คนที่ละโทสะได้แล้วถูกคนอื่นยั่วให้โกรธ ก็ไม่แสดงความโกรธให้ปรากฏ ผู้นั้นจึงนับได้ว่า เป็นคนสงบเสงี่ยม คนบางคนในโลกนี้ละโมหะได้แล้ว เพราะเป็นผู้ละโมหะได้ คนอื่นยั่วไม่โกรธ คนที่ละโมหะได้แล้วถูกคนอื่นยั่วให้โกรธ ก็ไม่แสดงความโกรธให้ปรากฏ ผู้นั้นจึงนับได้ว่า เป็นคนสงบเสงี่ยม. ดูก่อนนายคามณี นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้คนบางคนในโลกนี้ถึงความนับว่า เป็นคนสงบเสงี่ยม เป็นคนสงบเสงี่ยมดังนี้.
[๕๘๘] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว นายจัณฑคามณี ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกหนทางให้แก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูป ฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า กับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะจนตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
จบ จัณฑสูตรที่ ๑
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้า 179
อรรถกถาคามณิสังยุต
อรรถกถาจัณฑสูตรที่ ๑
คามณิสังยุตจัณฑสูตรที่ ๑ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า จณฺโฑ คามณี ความว่า นายบ้านคนหนึ่ง ที่พระธรรมสังคาหกเถระ เรียกชื่อว่า จัณฑะ. ด้วยบทว่า ปาตุกโรติ ท่านแสดงว่า เขาทะเลาะก็ทะเลาะตอบ เขาด่าก็ด่าตอบ เขาประหารก็ประหารตอบ ชื่อว่าทำให้ปรากฏ. ด้วยบทว่า น ปาตุกโรติ ท่านแสดงว่า แม้ถูกด่า ก็ไม่ทำตัวเป็นข้าศึกอะไรๆ.
จบ อรรถกถาจัณฑสูตรที่ ๑