ประโยชน์จากการศึกษาเรื่องวิถีจิต
คำสอนเรื่องวิถีจิตเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่ฟังด้วยศรัทธาและฟังโดยเคารพขณะนั้นเป็นกุศลจิต เมื่อศึกษาแล้วทำให้เข้าใจว่าจิตไม่ใช่มีดวงเดียว จิตเกิดดับ จิตไม่เที่ยง จิตเป็นทุกข์ จิตเป็นอนัตตา และทำให้เข้าใจว่าชาติของจิตมากยิ่งขึ้นว่า จิตเกิดขึ้นเป็นชาติกุศลก็มี ชาติอกุศลก็มี ชาติวิบากก็มี ชาติกิริยาก็มี การจะค่อยๆ รู้จิตในวิถีจิตที่เกิดต่อเนื่องกันหลายขณะต้องเป็นกุศล หรืออกุศล
สรุปคือ การศึกษาเรื่องความเป็นจริงย่อมเป็นประโยชน์ คือกุศลจิต และความเข้าใจ
พระธรรมคำสอนของ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทุกๆ คำ มีประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้าใจเรื่องของวิถีจิต เป็นการแสดงให้เห็นถึงสภาพนามธรรมอย่างละเอียด ว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตาอย่างไร เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยจริงๆ บังคับบัญชาไม่ได้เลยแม้เพียงชั่วขณะจิตเดียว
การศึกษาให้เข้าใจเรื่องวิถีจิต เรื่องชาติ ที่แตกต่างกันของจิตแต่ละดวงในวิถีจิตมีประโยชน์ต่อความเข้าใจที่มั่นคงในเรื่องกรรมและผลกรรมของตน ขณะกระทบอารมณ์ทั้งที่เป็นอิฎฐารมณ์ หรืออนิฎฐารมณ์ ช่วยเกื้อกูลต่อการสำรวมกาย วาจา ใจ การเจริญสติและการเจริญกุศลในชีวิตประจำวัน
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขอเรียนถามว่าการศึกษาเรี่องวิถีจิตให้เข้าใจจะเป็นประโยชน์อย่างไรในชีวิตประจำวัน?
ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะศึกษาพระธรรมในส่วนใดของพระไตรปิฎกก็ตาม หรือแม้เรื่องของวิถีจิต ก็เพื่อเกื้อกูลต่อการอบรมเจริญปัญญา อบรมสติปัฏฐาน คือระลึกสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ มิเช่นนั้น ก็จะเป็นการจำชื่อ เรื่องราวในเรื่องวิถีจิตว่า จากจักขุวิญญาณจิตเป็นสัมปฏิฉันจิต สันตีรณจิต ซึ่งไม่เกื้อกูลต่อการเจริญสติปัฏฐาน แต่ถ้าศึกษาด้วยความเข้าใจ ต่างจากการจำ ก็จะรู้ตามความเป็นจริงว่า ไม่มีตัวตนเลยที่จะทำให้สภาพธัมมะนั้นเกิดขึ้น เป็นไปตามเหตุปัจจัยและวิถีจิต ซึ่งย่อมเป็นการเกื้อกูลต่อการปฏิบัติว่าไม่มีตัวตนที่จะทำให้สภาพธัมมะเกิด เช่น จะไปทำสติ ไปกำหนด แต่เป็นธรรมที่ทำหน้าที่ตามวิถีจิตที่ได้สะสมเหตุปัจจัยมา ว่าชวนจิต จะเป็นกุศล (มีสติและปัญญา) ด้วยความเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ เพราะเป็นธรรมครับ การศึกษาพระธรรมจึงมิใช่จำ แต่ต้องเข้าใจโดยความเป็นอนัตตา อันเป็นไปเกื้อกูลต่อการเจริญสติปัฎฐาน
อนุโมทนาทุกท่านครับ