๗. ตัณหักขยสูตร เจริญสติปัฏฐานเพื่อความสิ้นตัณหา
[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 197
๗. ตัณหักขยสูตร
เจริญสติปัฏฐานเพื่อความสิ้นตัณหา
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 31]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 197
๗. ตัณหักขยสูตร
เจริญสติปัฏฐานเพื่อความสิ้นตัณหา
[๑๒๗๘] สาวัตถีนิทาน. ณ ที่นั้นแล ท่านพระอนุรุทธะเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วได้กล่าวว่า ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย สติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นตัณหา สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่... ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่... ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่... ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย สติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นตัณหา.
จบตัณหักขยสูตรที่ ๗
อรรถกถาปฐมกัณฏกีสูตรที่ ๔ เป็นต้น
ปฐมกัณฏกีสูตรที่ ๔.
คำว่า ณ กัณฏกีวัน คือ ในป่าขนุนใหญ่.
ตติยกัณฏกีสูตรที่ ๖.
ท่านแสดงธรรมเป็นเครื่องอยู่เป็นนิตย์ของพระเถระด้วยคำว่า โลกพันหนึ่ง นี้.
จริงอยู่ พระเถระล้างหน้าแต่เช้าตรู่แล้ว ก็มาระลึกถึงพันกัปในอดีตและอนาคต. แต่ในปัจจุบัน มาสู่คลองแห่งการคำนึงหนึ่งมีจำนวนหนึ่งหมื่นจักรวาล.
ตัณหักขยสูตรที่ ๗ เนื้อความตื้นทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาปฐมกัณฏกีสูตรที่ ๔ เป็นต้น