ศึกษาสภาพธรรมที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ทุกๆ ขณะในชีวิต

 
khampan.a
วันที่  12 ต.ค. 2564
หมายเลข  38029
อ่าน  471

หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๕๕๓]

ศึกษาสภาพธรรมที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ทุกๆ ขณะในชีวิต


สำหรับในเรื่องของการศึกษาธรรมนั้นก็เป็นเรื่องของการศึกษาสภาพธรรมที่มีจริง ที่กำลังปรากฏทุกๆ ขณะในชีวิต เพราะเหตุว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง เป็นธรรม และในภาษาบาลีที่ใช้คำว่า “สัจจธรรม” ถ้าใช้ภาษาไทยง่ายๆ อย่างธรรมดา ก็หมายความถึงธรรมที่มีจริงนั่นเอง

เพราะฉะนั้นการศึกษาพระธรรมในพระไตรปิฎกทั้ง ๓ ปิฎก ไม่ว่าจะเป็นพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก ก็เป็นเรื่องของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทุกขณะในชีวิต ซึ่งพระธรรมได้ทรงแสดงไว้โดยละเอียด

ในวันหนึ่งๆ ที่ทุกคนนอนหลับสนิท แม้ว่าจะมีจิตซึ่งกำลังเกิดดับสืบต่อดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนี้ แต่โลกนี้ก็ไม่ได้ปรากฏเลย ขณะใดที่ไม่มีการเห็น ไม่มีการได้ยิน ไม่มีการได้กลิ่น ไม่มีการลิ้มรส ไม่มีการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่มีการคิดนึก ไม่มีใครรู้ว่า มีโลกนี้ และไม่มีใครรู้ว่า มีอะไรบ้างในโลกนี้ เพราะเหตุว่าโลกนี้ไม่ปรากฏ แต่เมื่อใดที่ตื่นขึ้นเห็น ก็มีความรู้สึกว่ากำลังอยู่ในโลกนี้ ในขณะที่ได้ยินเสียง ก็เป็นเสียงของโลกนี้ ไม่ใช่เสียงสวรรค์ ไม่ใช่เสียงทิพย์ ไม่ใช่เสียงในนรก หรือไม่ใช่เสียงอื่น แต่เป็นเสียงที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส หรือแม้แต่ความคิดนึกของแต่ละคนก็คิดนึกเรื่องของโลกนี้ ไม่มีใครระลึกถึงโลกก่อน ชาติก่อนซึ่งทุกคนจากมาและก็ไม่มีใครรู้ว่าโลกหน้า ชาติหน้า จะเป็นอย่างไร

เพราะฉะนั้นชีวิตในวันหนึ่งๆ ก็เป็นแต่เพียงประสบการณ์ที่เกิดขึ้นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ซึ่งเป็นของจริง แต่ว่าเป็นอนัตตา เพราะเหตุว่าไม่ใช่สภาพธรรมที่ยั่งยืน ไม่ใช่สภาพธรรมที่จะพึงยึดถือว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลได้ เพราะเหตุว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่มีปัจจัยจึงได้เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทุกขณะ สภาพธรรมใดที่ดับไปแล้วสภาพธรรมนั้นไม่ได้กลับมาอีกเลย แต่เพราะเหตุว่ามีปัจจัยที่จะทำให้สภาพธรรมอื่นเกิดขึ้นปรากฏอยู่เรื่อยๆ ความสำคัญความยึดถือสภาพธรรมที่เกิดปรากฏ ก็ทำให้มีความรู้สึกเหมือนกับว่า เป็นเราที่เห็น เป็นเราที่ได้ยิน เป็นเราที่ได้กลิ่น เป็นเราที่ลิ้มรส เป็นเราที่กระทบสัมผัส เป็นเราที่คิดนึก แต่ถ้าไม่มีเห็น ไม่มีได้ยิน ไม่มีได้กลิ่น ไม่มีการลิ้มรส ไม่มีการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่มีการคิดนึกเลย เราก็ไม่มี โลกก็ไม่มี สภาพธรรมใดๆ ก็ไม่มี

พราะฉะนั้นเมื่อสภาพธรรมใดมีปัจจัยทำให้เกิดขึ้นปรากฏ ความไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมนั้นๆ ก็ทำให้เกิดความยินดียินร้ายในสิ่งที่ปรากฏ


กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เข้าใจ
วันที่ 12 ต.ค. 2564

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 13 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
san.ree2990
วันที่ 13 ต.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ