๗. ทุติยมิตตามัจจสูตร องค์ธรรมเครื่องบรรลุโสดา ๔ ประการ
[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 318
๗. ทุติยมิตตามัจจสูตร
องค์ธรรมเครื่องบรรลุโสดา ๔ ประการ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 31]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 318
๗. ทุติยมิตตามัจจสูตร
องค์ธรรมเครื่องบรรลุโสดา ๔ ประการ
[๑๔๙๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงอนุเคราะห์เหล่าชนผู้เป็นมิตร... ให้ดำรงอยู่ ในองค์แห่งธรรมเป็นเครื่องบรรลุโสดา ๔ ประการ องค์แห่งธรรมเป็นเครื่องบรรลุโสดา ๔ ประการเป็นไฉน คือ พึงให้สมาทาน ให้ตั้งมั่น ให้ดำรงอยู่ ในความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้จำแนกธรรม.
[๑๔๙๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหาภูตรูป ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม พึงมีความแปรเป็นอื่นไปได้ ส่วนอริยสาวกผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ไม่พึงมีความแปรเป็นอื่นไปได้
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 319
เลย ความแปรเป็นอย่างอื่นในข้อนั้นดังนี้ อริยสาวกผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า... ในพระธรรม... ในพระสงฆ์... จักเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานหรือปิตติวิสัย ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ เธอทั้งหลายพึงยังเขาเหล่านั้นให้สมาทาน ให้ตั้งมั่น ให้ดำรงอยู่ ในความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า... ในพระธรรม... ในพระสงฆ์... ในศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ไม่ขาด ฯลฯ เป็นไปเพื่อสมาธิ.
[๑๔๙๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหาภูตรูป ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม พึงมีความแปรเป็นอย่างอื่นไปได้ ส่วนอริยสาวกผู้ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ไม่พึงมีความแปรเป็นอย่างอื่นไปได้เลย ความแปรเป็นอย่างอื่นในข้อนั้น ดังนี้ อริยสาวกผู้ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว จักเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หรือปิตติวิสัย ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้.
[๑๔๙๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงอนุเคราะห์เหล่าชนผู้เป็นมิตร อมาตย์ ญาติหรือสาโลหิต ผู้ที่สำคัญโอวาทว่าเป็นสิ่งที่ตนควรฟัง พึงยังเขาเหล่านั้นให้สมาทาน ให้ตั้งมั่น ให้ดำรงอยู่ ในองค์แห่งธรรมเป็นเครื่องบรรลุโสดา ๔ ประการเหล่านี้.
จบทุติยมิตตามัจจสูตรที่ ๗
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 320
อรรถกถาทุติยมิตตามัจจสูตร
พึงทราบอธิบายในทุติยมิตตามัจจสูตรที่ ๗.
ชื่อว่า ความแปรเป็นอย่างอื่น มีหลายอย่าง คือ ความแปรเป็นอย่างอื่นโดยความเลื่อมใส ความแปรเป็นอย่างอื่นโดยภาวะ ความแปรเป็นอย่างอื่นโดยคติ ความแปรเป็นอย่างอื่นโดยลักษณะ ความแปรเป็นอย่างอื่นโดยการเปลี่ยนแปลง.
ในความแปรเป็นโดยอย่างอื่นนั้น ความแปรเป็นอย่างอื่นโดยภาวะ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประสงค์เอาในมหาภูตทั้งหลาย ก็เมื่อปฐวีธาตุที่เชื่อมกันโดยความเป็นแท่งทึบ โดยภาวะเป็นทองเป็นต้น ย่อยยับแล้วถึงความเป็นน้ำอยู่ ภาวะในครั้งก่อนก็จะหายไป ความแปรเป็นอย่างอื่นโดยภาวะก็จะปรากฏอยู่.
ส่วนลักษณะไม่หายไป คือ ปฐวีธาตุมีความแข็งกระด้างเป็นลักษณะแล และเมื่ออาโปธาตุที่สืบต่อโดยอาการที่เปลี่ยนแปลงไป โดยความเป็นรสอ้อยเป็นต้นขาดไป ถึงความเป็นแผ่นดินแท่งทึบ ภาวะในครั้งก่อนก็จะหายไป ความแปรเป็นอย่างอื่นโดยภาวะก็จะยังปรากฏอยู่ แต่ลักษณะจะไม่หายไป อาโปธาตุนั้นมีการประสานให้ติดกันเป็นลักษณะ.
ก็ความแปรเป็นอย่างอื่นโดยคตินี้ ในความเป็นแปรเป็นอย่างอื่นนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประสงค์เอาในบทนี้ว่า ความแปรเป็นอย่างอื่น.
ก็ความแปรเป็นอย่างอื่นนั้น ย่อมไม่มีแก่อริยสาวก.
ถึงแม้ความแปรเป็นอย่างอื่นโดยความเลื่อมใส ก็ไม่มีนั่นเอง.
เพื่อประกาศผลของความเลื่อมใส พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงแสดงความแปรเป็นอย่างอื่นโดยคติไว้ในบทนี้นั่นเอง.
คำที่เหลือในทุกๆ บทตื้นทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาทุติยมิตตามัจจสูตรที่ ๗