หากเกิดความท้อในการศึกษาธรรมะ
ผู้ที่เกิดความท้อในการศึกษาพระธรรม แสดงว่าขณะนั้นจิตถูกอกุศลครอบงำ ชื่อว่าไม่มีศรัทธาในคุณของพระรัตนตรัย ชื่อว่าไม่เห็นประโยชน์ของกุศล ชื่อว่าไม่เห็นประโยชน์ของปัญญา ชื่อว่าไม่เห็นประโยชน์ของอริยทรัพย์ ชื่อว่าเป็นผู้เกียจคร้าน เป็นเหตุให้อกุศลธรรมเจริญ เป็นผู้ไม่เจริญในอริยวินัย ควรพิจารณาว่าชีวิตเป็นของน้อย ไม่ควรประมาท ควรศึกษาพระธรรมเพื่อการอบรมเจริญขึ้นของปัญญา เพื่อการเข้าใจและรู้แจ้งความจริงดับกิเลสหลุดพ้นจากวัฏฏะทุกข์ถ้าเราไม่ศึกษาในวันนี้ เราอาจจะไม่มีโอกาสได้ศึกษาอีกเลย ถ้าเราตายวันนี้คืนนี้แล้วไปเกิดในอบายย่อมหมดโอกาสในการเจริญกุศล
การศึกษาพระธรรม คือ การศึกษาเรื่องของตัวเราเอง ซึ่งถ้าไม่ศึกษาก็จะไม่มีวันรู้จักตัวเองหรือรู้ผิด เข้าใจผิดว่า เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส คิดนึก เป็นตัวเรา ซึ่งจริงๆ เป็นธรรมะ เมื่อรู้ว่า เป็นการศึกษาเรื่องของตัวเอง ก็น่าจะอยากรู้เป็นอย่างยิ่ง
หากเกิดความท้อในการศึกษาธรรมะควรจะโยนิโสมนสิการอย่างไร?
เป็นธรรมดาครับ สำหรับความท้อใจ เมื่อตอนที่เราทำงานก็มีความท้อใจ แต่เราก็ไม่เดือดร้อนกับความท้อใจที่เกิดขึ้น เมื่อศึกษาธรรมแล้วก็เกิดความท้อใจขึ้น เพราะพระธรรมเป็นสิ่งที่ยาก ปัญญาขั้นการฟัง ทำอะไรกิเลสไม่ได้ครับ และที่สำคัญธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา สติจึงไม่เกิด ตราบที่เหตุปัจจัยไม่พร้อม และหนทางนี้ ก็เป็นเรื่องของการอบรมนานมาก เพราะที่ผ่านมาในสังสารวัฏฏ์ เราสะสมสิ่งใดมามาก วิชชา (ความรู้) หรือ อวิชชา (ความไม่รู้) เราฟังสิ่งใดมาก พระธรรม หรือ เดรัจฉานกถา เมื่อพิจารณาดังนี้ ก็ย่อมรู้ตามความเป็นจริงว่า ธรรมทั้งหลาย อาศัยเหตุปัจจัย จึงเกิดขึ้นแม้ความรู้ความเข้าใจ แม้สติปัฏฐาน และแม้กุศลธรรม ก็อาศัยเหตุปัจจัย เมื่อความรู้ยังน้อย (เพียงปัญญาขั้นฟัง) อกุศลก็ย่อมเกิดขึ้นมาก เป็นธรรมดา และความไม่รู้ก็มีมากเป็นธรรมดา เมื่อรู้จักตัวเองตามความเป็นจริงอย่างนี้ การศึกษาธรรม ก็จะเป็นเรื่องเบา เพราะเป็นธรรม เมื่อไม่รู้ ก็คือไม่รู้ จะทำให้รู้ไม่ได้ครับ ดังนั้น เมื่อไหร่ท้อ เมื่อนั้นให้รู้ว่า โลภะมาอีกแล้วครับ แม้ในการศึกษาพระธรรม
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย