อุปจารสมาธิ เป็นเรื่องยาก
การอบรมเจริญสมถภาวนา ไม่ใช่ของง่าย แต่ว่าผู้ที่จะอบรมเจริญสติปัฏฐาน ถึงแม้ว่าความสงบจะไม่มั่นคงขึ้น ถึงขั้นอุปจารสมาธิ หรืออัปปนาสมาธิ ก็สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระอริยเจ้าได้ แล้วในชีวิตสั้นๆ อันนี้ จะเจริญอะไร
อุปจารสมาธิ หมายความถึง ความสงบของจิต มีกำลังขึ้น แล้วก็นิวรณธรรมทั้งหลายสงบลง เป็นเรื่องยาก ที่จะกล่าวถึง อุปจารสมาธิ โดยไม่กล่าวถึง การเจริญ สมถกรรมฐานหนึ่งกรรมฐานใด เพราะฉะนั้น ขอกล่าวถึง การเจริญกสิณ ซึ่งจะเป็น ปฐวีกสิณ หรือ ว่า อาโปกสิณ เตโชกสิณ วาโยกสิณ ก็ได้ ตามที่ได้เคยเรียนให้ทราบแล้ว ว่า ปฐวีได้แก่ดิน ถ้าระลึกเป็น รูปร่างสีสันวรรณต่างๆ ย่อมเกิดความยินดียินร้าย แต่ถ้าระลึกถึงธาตุดิน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่วัตถุ ที่น่าเพลิดเพลินยินดีพอใจเลย เป็นแต่เพียงธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งมีจริง แล้ววัตถุทั้งหลาย ไม่ว่าคน ไม่ว่าสัตว์ ก็ประกอบขึ้นด้วยธาตุดินเท่านั้น
การที่จะให้จิตตั้งมั่นคงที่ธาตุดิน นี่ ก็จะต้องอาศัยปฐวีกสิณ คือการที่จะเอาดินมาทำให้เป็นวงกลม แล้วก็ความละเอียดมีกล่าวไว้ในวิสุทธิมรรคว่า ต้องเป็นดินสีอรุณ แล้วก็เป็นดินที่เกลี้ยง วงกลมนั้นก็มีขนาดที่ว่าจะไม่ทำให้เล็กเกินไป ซึ่งจะต้องใช้การจ้อง ทำให้จิตขาดความสงบ หรือว่าไม่ให้สูงนัก ไม่ให้ต่ำนัก นั่นก็เป็นความละเอียดของการที่จะให้จิตตั้ง มั่นคงที่ปฐวีกสิณ แล้วการที่จะให้จิตสงบ นี่คะ จะต้องใช้ตา คือดูปฐวีกสิณ แล้วก็นึกถึง ปฐวีกสิณที่เห็น ลืมตา หลับตา อยู่บ่อยๆ ในระยะนี้ ขณะนี้ ที่จะให้จิตนึกถึงปฐวีกสิณที่มองเห็นนั้น คือ บริกรรมสมาธิ เพราะเหตุว่าต้องอาศัย ปฐวีกสิณ เป็นเครื่องระลึก
รับฟัง และ อ่านรายละเอียด