เมื่อไรเราจะรู้ธรรม

 
chatchai.k
วันที่  15 ต.ค. 2564
หมายเลข  38264
อ่าน  91

แต่ละคำ ก็เป็นคำ ที่เป็นปกติ ตามความเป็นจริง ตามเหตุตามปัจจัยขณะนี้ มีธรรม แล้วไม่รู้ ก็เป็นธรรมดา แค่ฟัง แล้วจะรู้ ใครจะเป็นอย่างนั้นได้ เพราะเหตุว่าธรรมเป็นสิ่งที่ละเอียด ลึกซึ้งมาก แล้วก็ไม่ข้ามด้วยที่จะไปรู้อย่างอื่น ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่กำลังปรากฏ


ถ้าเรามีความเข้าใจว่า ไม่ควรที่จะละโอกาส ที่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ซึ่งสั้นมาก เพียงปรากฏแล้วก็หมดไป ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้ เวลาที่ได้อ่านพระสูตร หรือฟังธรรมก็ตาม แม้ว่าข้อความนั้นจะกล่าวเฉพาะตรงนั้นคือ ราตรีหนึ่งเจริญ เราก็สามารถที่จะเข้าใจถึงความจริงว่า ไม่ใช่แต่เฉพาะราตรีเท่านั้น ก็รวมทั้งกลางวันด้วย หมายความว่าทุกขณะ ซึ่งเลือกไม่ได้ บังคับบัญชาไม่ได้เลย แม้ว่าขณะนี้เป็นสิ่งที่เรารู้ว่า เป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง แต่ที่จะให้สามารถเข้าใจความจริงของธรรม ที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ทุกอย่างต้องสอดคล้องกันหมด มิฉะนั้นก็จะมีปัญหาเสมอ

อย่างเวลาที่คุยกัน ก็บอกว่าแล้วเมื่อไรเราจะรู้ธรรม ก็ลืมอีกแล้วว่าธรรมเป็นอนัตตา จะไปเอาเมื่อไร มาจากไหน แต่ว่าถ้าไม่มีความเข้าใจธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ แล้วคำถามนี้จะตอบว่าอย่างไร ไม่มีความเข้าใจธรรมที่กำลังปรากฏเลย กับคำถามที่ว่า แล้วเมื่อไรจะรู้ธรรมตามความเป็นจริง คำตอบก็มีอยู่ในตัวแล้ว ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ

แต่ละคำ ก็เป็นคำ ที่เป็นปกติ ตามความเป็นจริง ตามเหตุตามปัจจัยขณะนี้มีธรรม แล้วไม่รู้ ก็เป็นธรรมดา ฟัง แค่ฟัง แล้วจะรู้ ใครจะเป็นอย่างนั้นได้ เพราะเหตุว่าธรรมเป็นสิ่งที่ละเอียด ลึกซึ้งมาก แล้วก็ไม่ข้ามด้วยที่จะไปรู้อย่างอื่น ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะฟังข้อความใดก็ตาม จะไปเตือนให้รู้ว่า ขณะนี้เป็นธรรม ที่ยังไม่รู้ ที่ยังไม่เข้าใจ ยังไม่สามารถประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมนั้น จนกว่าความเข้าใจจากการฟัง จะเพิ่มขึ้นๆ

ตื่นมาก็ไม่กี่ชั่วโมง ใช่หรือไม่ กุศลมากหรืออกุศลมาก ก็ตอบกันได้ทุกคน แล้วก็คงจะหวังเล็กๆ ว่าแล้วเมื่อไร อกุศลจะหมดไป เพราะได้ยินคำว่ากุศล ก็ไม่มีใครชอบเลย ไม่ชอบ แต่ก็เป็นธรรม ถ้ายังคงไม่ชอบอยู่ต่อไป จะเข้าใจไหมว่าเป็นธรรม ก็เป็นตัวเรานั่นแหละ ที่ไม่ชอบ แล้วก็ชอบฝ่ายกุศล ไม่ชอบฝ่ายอกุศลไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่เข้าใจเลยว่า อกุศลก็เป็นธรรมชนิดหนึ่ง เมื่อไหร่จะอาจหาญร่าเริง ที่จะรู้ความจริงว่า เป็นธรรมเท่านั้นเอง ไม่ใช่ของใคร พอถึงกุศล ดีใจว่าเป็นของเรา วันนี้กุศลเกิดเยอะ แต่ว่ากุศลก็ไม่ใช่ของเรา กุศลก็เป็นธรรม แต่แม้กระนั้น การที่ยึดถือสภาพธรรม ที่เป็นฝ่ายดี และอยากจะให้มีมากๆ โดยที่ไม่รู้ว่าขณะนั้น มีความยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน และเป็นความต้องการด้วย ที่จะให้ตัวนี้ จิตนี้ของแต่ละคน เป็นจิตที่ดีขึ้น แต่จะดีไม่ได้เลย ถ้าไม่รู้ว่าเป็นธรรม ถึงจะมีความสงบมากมาย เกิดในอรูปพรหมภูมิ รูปพรหมบุคคล สบายหรือไม่อรูปพรหม ไม่มีรูปร่างกาย ไม่ต้องอาบน้ำ ไม่ต้องรับประทานอาหาร ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องพยาบาลรักษาอะไรเลย แต่ก็มีจิต ซึ่งยังไม่เข้าใจลักษณะสภาพของจิตในขณะนั้นว่า เป็นธรรม

รับฟัง และ อ่านเพิ่มเติม

สนทนาธรรมที่อุทยานแห่งชาติเขาเขียว


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ