พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

อรรถกถาสูตรที่ ๑๑ ประวัติพระภัททากัจจานาเถรี

 
บ้านธัมมะ
วันที่  16 ต.ค. 2564
หมายเลข  38392
อ่าน  394

[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 48

อรรถกถาสูตรที่ ๑๑

ประวัติพระภัททากัจจานาเถรี


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 33]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 48

อรรถกถาสูตรที่ ๑๑

๑๑. ประวัติพระภัททากัจจานาเถรี

ในสูตรที่ ๑๑ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

ด้วยบทว่า มหาภิญฺาปฺปตฺตานํ ท่านแสดงว่า พระภัททากัจจานาเป็นเลิศกว่าพวกภิกษุณีสาวิกาผู้บรรลุอภิญญาใหญ่. ความจริง สำหรับพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง มีผู้ที่สำเร็จอภิญญาใหญ่ได้ ๔ ท่าน สาวกที่เหลือหาสำเร็จไม่. เพราะสาวกที่เหลือย่อมสามารถระลึกชาติได้ตลอดแสนกัปเท่านั้น ยิ่งขึ้นไปกว่านั้นระลึกไม่ได้. แต่ท่านผู้บรรลุอภิญญาใหญ่ย่อมระลึกชาติได้อสงไขยหนึ่งยิ่งด้วยแสนกัป. ในศาสนาของพระศาสดาแม้ของพวกเรา ชน ๔ ท่านเหล่านั้น คือ พระอัครสาวก ๒ รูป พระพากุลเถระ พระนางภัททากัจจานาเถรี สามารถระลึกชาติได้ประมาณเท่านี้ เพราะฉะนั้น พระเถรีนี้จึงชื่อว่าเป็นเลิศกว่าพวกภิกษุณีสาวิกาผู้มีอภิญญาใหญ่. พระนางมีพระนานว่า ภัททากัจจานา. ก็ผิวพรรณแห่งสรีระของพระนางนั้น เป็นผิวพรรณเหมือนผิวของทองคำชั้นดีที่สุด. เพราะฉะนั้น พระนางจึงนับได้ว่าเป็นคนสวยงามโดยแท้ นี้เป็นพระนามของพระมารดาของพระราหุล.

แม้พระนางนั้น ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ถือเอา

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 49

ปฏิสนธิในเรือนสกุล กรุงหังสวดี ในกาลต่อมา ฟังธรรมกถาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าเหล่าภิกษุณีสาวิกาผู้บรรลุอภิญญาอย่างใหญ่ จึงทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น. นางเวียนว่ายตายเกิดในเทวดาและมนุษยโลกตลอดแสนกัป ในพุทธุปบาทกาลนี้ ถือเอาปฏิสนธิในพระราชนิเวศน์พระเจ้าสุปปพุทธะ. เหล่าพระประยูรญาติเฉลิมพระนามว่า ภัททากัจจานา. พระนางเจริญวัยได้อภิเษกเป็นมเหสีพระโพธิสัตว์. ต่อมาพระนางได้ประสูติพระโอรสพระนามว่า พระราหุลกุมาร. ในวันที่พระราหุลกุมารประสูติแล้ว พระโพธิสัตว์เสด็จออกทรงผนวช ทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณที่โคนต้นโพธิ เมื่อจะกระทำการอนุเคราะห์ชาวโลก เสด็จมาถึงกรุงกบิลพัสดุ์โดยลำดับ ได้ทรงกระทำการสงเคราะห์พระญาติ ต่อมาเมื่อพระเจ้าสุทโธทนมหาราชปรินิพพานแล้ว พระนางมหาปชาบดีโคตมี พร้อมกับมาตุคาม ๕๐๐ นาง ขอบรรพชาในสำนักของพระศาสดา. พระมารดาของพระราหุลก็ดี พระนางรูปนันทาชนบทกัลยาณีก็ดี ก็พากันไปยังสำนักของพระเถรี บวชแล้ว. นางจำเดิมแต่บวชแล้วได้ปรากฏชื่อว่า ภัททากัจจานาเถรี. ต่อนาพระนางเจริญวิปัสสนาบรรลุพระอรหัตแล้ว เป็นผู้ช่ำชองชำนาญในอภิญญาทั้งหลาย นั่งขัดสมาธิครั้งเดียวระลึกชาติได้ถึงอสงไขยหนึ่งยิ่งด้วยแสนกัป โดยการระลึกถึงครั้งเดียว. เมื่อคุณความดีนั้นของนางปรากฏชัดแล้ว พระศาสดาประทับนั่งในพระเชตวัน เมื่อทรงสถาปนาภิกษุณีทั้งหลายไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะต่างๆ ตามลำดับ จึงทรงสถาปนาพระเถรีนี้ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าภิกษุณีสาวิกา ผู้บรรลุอภิญญาใหญ่ แล.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๑