ทำงานผิด
กราบเรียนถามค่ะ
การที่เราทำงานด้วยความระมัดระวังแล้ว แต่ก็ยังผิดพลาด ทำให้เกิดความเสียหาย อย่างนี้ก็เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ให้ผิดก็ไม่ได้ จะเป็นการเข้าใจถูกหรือเปล่าคะ
ขอบพระคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อนัตตา มีความหมายหลายนัย แต่ที่ต้องละเอียดคือ มีคำว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา จึงควรเข้าใจให้ถูกว่า แท้ที่จริง คือ ตัวธรรมเป็นอนัตตา หากเข้าใจเผินๆ ก็เป็นความเข้าใจผิดได้ ว่าเป็นเรื่องต่างๆ เป็นอนัตตา มีเราที่ทำงานผิด มีเราที่ทำงานถูก หรือ มีงานที่ถูก และ งานที่ผิดที่บังคับบัญชาไม่ได้ ก็เป็นเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด นี่คือ ไม่ได้เข้าใจความหมายอนัตตาที่แท้จริง ดังนั้น อนัตตา คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงต้องละเอียดและลึกซึ้ง ซึ่งต้องมุ่งไปที่ตัวธรรมแต่ละหนึ่งที่เป็นอนัตตาเห็นเป็นอนัตตา จิตเป็นอนัตตา โกรธ เป็นอนัตตา มุ่งถึงตัวธรรมแต่ละหนึ่ง ที่ไม่มีเรา ไม่มีงาน ไม่มีเราทำงานผิด ไม่มีเราทำงานถูก เพื่อประโยชน์ที่ถูกต้อง คือ ไถ่ถอนความเป็นเรา แต่ถ้าเป็นเรื่องราว เรื่องนั้น เรื่องนี้ บังคับบัญชาไม่ได้ ก็ยังมีเรา มีคนนั้น มีงาน มีสิ่งต่างๆ แต่ไม่ได้เข้าใจว่าเป็นธรรม ก็ถอนหรือละความเป็นเราไม่ได้ ดังนั้น การเข้าใจอนัตตาที่ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง ครับ
ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ด้วยอรรถว่าดังนี้ครับ
พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 172
ชื่อว่า เป็น อนัตตา เพราะเหตุ ๔ เหล่านั้น คือ โดยความเป็นของสูญ ๑ โดยความไม่มีเจ้าของ ๑ โดยเป็นสิ่งที่ควรทำตามชอบใจไม่ได้ ๑ โดยปฏิเสธต่ออัตตา ๑.
โดยความเป็นของสูญ คือ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เพราะไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเลย สูญไปเลย แต่มีสภาพธรรม เพียงแต่สูญ คือ ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตนในสภาพธรรมนั้นเลย เพราะเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา สัตว์ บุคคล ครับ
โดยความไม่มีเจ้าของ คือ ไม่มีใครเป็นเจ้าของสภาพธรรม ที่คิดว่าเป็นเจ้าของ ทรัพย์สมบัติ ทรัพย์สมบัตินั้นก็ไม่รู้ว่าว่ามีคนเป็นเจ้าของเพราะเป็นแต่เพียงรูป และทรัพย์สมบัติก็เสื่อมสลายไป ไม่มีใครที่เป็นเจ้าของได้จริงๆ ผู้ที่เป็นเจ้าของก็ต้องจากไป ไม่มีใครเป็นเจ้าของจริงๆ เพราะเป็นแต่เพียงธรรมที่เป็นอนัตตา ครับ
โดยเป็นสิ่งที่ควรทำตามชอบใจไม่ได้ คือไม่สามารถให้ จิต เจตสิก รูปและสภาพธรรมเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นตามใจชอบไม่ได้เลย และไม่ให้ดับไปก็ไม่ได้ จะให้ยั่งยืนอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้
โดยปฏิเสธต่ออัตตา คือปฏิเสธว่าไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตนอยู่ในสภาพธรรม ครับ นี่คือ อรรถ ๔ อย่างที่แสดงถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ซึ่งการจะถึงความเป็นอนัตตาก็ด้วยการประจักษ์ด้วยปัญญาเท่านั้น โดยเริ่มจากการฟังพระธรรมที่ถูกต้อง ปัญญาก็จะค่อยๆ เจริญจนถึงการประจักษ์สภาพธรรมว่าไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่ว่าจะทำงานผิดพลาด หรือ ไม่ผิดพลาดลุล่วงด้วยดี ก็เป็นอนัตตาทั้งหมด ไม่ใช่ว่าจะเป็นอนัตตา เฉพาะทำงานผิดพลาดแม้ว่าจะระมัดระวังเป็นอย่างดีแล้ว เพราะทุกขณะ เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เป็นอนัตตาทุกขณะ เมื่อเข้าใจในความเป็นจริงของธรรม ก็ไม่เดือดร้อน ถ้าหากงานผิดพลาด ก็พยายามแก้ไขใหม่ เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดความผิดพลาดอย่างแน่นอน แต่เมื่อผิดพลาดแล้ว ก็แก้ไขใหม่ได้ หรือ พยายามหาทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดอีก ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...