ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๓๐
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๓๐ * *
~ จะพึ่งคำของคนอื่นไหม? แต่มีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สืบทอดมาด้วยความเข้าใจถูก เป็นที่พึ่ง เพราะทุกคำมาจากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงกล่าวว่า มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่มีการได้ยินได้ฟังคำที่กำลังได้ฟังเดี๋ยวนี้เลย และกว่าจะได้รู้ความจริงแต่ละคำที่ตรัสถึงความจริงนั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ไม่ว่าชาติไหน เกิดเป็นใคร เมื่อไหร่ อย่างไร สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไม่ใช่อย่างอื่นเลย นอกจากการเข้าใจคำที่เป็นความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วทั้งหมด นี้คือ ที่พึ่งในสังสารวัฏฏ์
~ ประโยชน์ที่สุดของชีวิต คือ ขณะที่เข้าใจธรรม เราค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ เข้าใจแล้วก็ยังช่วยคนอื่นโดยการกล่าวถึงคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เขาไตร่ตรองจนกระทั่งเกิดความเข้าใจถูกเห็นถูก นี้ก็เป็นกัลยาณมิตร เป็นเพื่อนที่ดีตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญเป็นแบบอย่าง
~ กล่าวความจริงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โดยไม่หวัง จึงไม่เดือดร้อน ใครจะเข้าใจผิดหรือกล่าวคำว่าร้ายต่างๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของความไม่รู้ ใช่ไหม แต่ไม่เป็นสิ่งที่เราจะต้องไปโกรธเคืองอะไรเลย เพราะเขาไม่รู้ รักษาใจไม่ใช่ใจคนอื่น แต่รักษาใจตัวเอง
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสรู้แล้วจึงทรงแสดงความจริง เพื่ออนุเคราะห์ให้คนอื่นได้มีความเข้าใจถูกได้มีความเห็นถูกซึ่งไม่สามารถที่จะรู้ได้ด้วยตัวเอง
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประเสริฐ หาค่าเปรียบมิได้เลย เพราะว่าประกอบด้วยพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณและพระมหากรุณาคุณ ไม่มีใครเปรียบได้เลย ไม่ว่าความดีใดๆ ในโลกทั้งหมดของแต่ละคนรวมกัน ก็ยังไม่เท่ากับความดีของพระองค์ที่ประกอบด้วยพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณและพระมหากรุณาคุณ
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ไม่ได้ต้องการอะไรจากสัตว์โลกเลยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ธูปเทียนอะไรๆ ทั้งหมด พระประสงค์ก็คือ มีพระมหากรุณาให้คนอื่นได้เข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้ซึ่งไม่สามารถที่จะเข้าใจเองได้ เพราะฉะนั้น ทุกคำ ต้องศึกษาด้วยความเคารพ
~ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ทำให้คนที่เห็นคุณค่า ค่อยๆ ไตร่ตรอง ค่อยๆ เข้าใจ และความเข้าใจนั่นแหละจะทำให้เป็นคนดี เพราะปัญญารู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นประโยชน์
~ พระธรรมย้ำแล้วย้ำอีกว่า แต่ละคนนั้นมีกิเลสมากจริงๆ เพื่อจะได้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลขัดเกลากิเลส เพราะเห็นโทษของกิเลส จึงมีการเจริญกุศลยิ่งขึ้น
~ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน ความโกรธของท่านจะให้ผลแก่ตัวท่าน ความโกรธของเขา เขาก็ได้รับผลไป ทำไมถึงจะต้องไปโกรธเขาด้วยล่ะ ในเมื่อเขาก็ได้รับผลของความโกรธของเขาอยู่แล้ว
~ สัตว์ที่ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ ที่ยังเห็นๆ กันอยู่ ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ด้วยกัน ยังไม่ได้ไปที่อื่น เพราะฉะนั้น ก็ควรที่จะเมตตาเอ็นดูกัน ชั่วระหว่างที่ยังเหลืออยู่ด้วยกันในโลกนี้ เพราะคนที่ตายไปแล้วก็จากไปๆ อยู่เรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ส่วนที่ยังเหลืออยู่ด้วยกัน ก็ควรจะเอ็นดูกัน
~ วันหนึ่งๆ ก็เริ่มพิจารณาว่ามีอกุศลคือความไม่รู้แน่นอน มากขึ้นๆ ทุกขณะทุกวัน เพราะฉะนั้น จึงไม่สงบ ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่จะทำให้สงบ ก็คือ ความเข้าใจถูกความเห็นถูก มิฉะนั้นแล้ว ไม่มีทางที่จะให้หมดความไม่รู้ซึ่งนำมาสู่ความไม่สงบได้เลย
~ จะเห็นตามความเป็นจริงว่า แต่ละคนสะสมอัธยาศัยทั้งฝ่ายกุศลและอกุศลมามากน้อยแค่ไหน ซึ่งควรจะต้องอบรมเจริญขึ้นทางฝ่ายกุศล “ทำดีเท่าไหร่ ไม่มีวันพอ” ควรจะเป็นคติประจำใจจริงๆ เพราะว่าอกุศลนั้นมีมากมายที่จะต้องละ
~ พระธรรมทุกคำ นำไปสู่ความเข้าใจถูกต้องว่าไม่มีเรา สำคัญที่สุด “อนัตตา” ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร จะเป็นอย่างที่อยากเป็น ก็ไม่ได้ จะไม่เป็นอย่างที่กำลังเป็น ก็ไม่ได้ เพราะเหตุว่าเกิดแล้วเป็นแล้วทั้งหมด
~ ตายไปด้วยความไม่รู้อะไรเลยตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดมากับเข้าใจความจริงทีละเล็กทีละน้อย อะไรดี?
~ ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ เข้าใจ รักษาโรคไม่รู้ ซึ่งทุกคนเป็น ตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กี่ภพกี่ชาติในสังสารวัฏฏ์ โรคไม่รู้ก็นำมาซึ่งโรคอื่นๆ สารพัดโรค
~ โรคไม่รู้มากมายมหาศาล เพราะฉะนั้น รักษาโรคไม่รู้ซึ่งเป็นเหตุนำมาซึ่งโรคอื่นๆ สารพัดโรคที่ทำให้จิตใจไม่สะอาดเพราะเหตุว่าแปดเปื้อนด้วยกิเลสนานาชนิด ต้องใช้เวลานานมากในการรักษา เพราะเหตุว่าเป็นโรคนี้มานานเท่าไหร่ในสังสารวัฏฏ์
~ เริ่มเห็นใจคนที่ทำอกุศลกรรมได้แล้ว เพราะเขาได้สะสมเหตุที่ไม่ดีไว้ และในที่สุด อกุศลกรรมที่เขาทำ ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้เขาได้รับผลที่ไม่ดีในภายหน้า
~ ถ้าจะให้ความโกรธไม่เกิดอีกเลย ต้องเป็นพระอนาคามีบุคคล ถ้ายังไม่เป็นพระอนาคามีบุคคล มีเหตุปัจจัยที่ความขุ่นเคืองหรือความโกรธจะเกิดก็เกิด แต่ความโกรธหรือความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นนั้นก็ดับ เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรที่จะผูกโกรธ ถ้ามีเมตตาเกิดขึ้นในขณะนั้น ก็คือรู้ว่า ทุกคนเหมือนกัน มีความผิดพลาด ไม่ใช่ว่าเราเท่านั้นที่จะเป็นคนที่ไม่ผิด เราก็ต้องผิดเหมือนกัน และเวลาที่เราผิด คนอื่นอภัยให้ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อคนอื่นผิด เราก็อภัยให้เขาได้เหมือนกัน
~ เป็นเรื่องธรรมดาจริงๆ สำหรับคำนินทาและสรรเสริญ เมื่อเป็นเรื่องธรรมดาอย่างนี้ ใครเสียเวลาเร่าร้อนใจ หวั่นไหว ก็เป็นผู้ไม่ฉลาดเลย เพราะเหตุว่าไม่รู้สภาพธรรมที่เป็นธรรมดาของโลก
~ ความประพฤติที่ผิดทั้งหมด มาจากความไม่รู้ แล้วใครจะรู้ว่าไม่รู้ ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น พระธรรมไม่ได้สาธารณะ คือ ไม่ทั่วไปกับทุกคน แต่ต้องสำหรับคนที่สะสมมาที่จะเห็นคุณค่าและศึกษาด้วยความเคารพจริงๆ ที่รู้ว่า ทุกคำของพระองค์ เพื่อการขัดเกลากิเลสทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต
~ เมื่อมีปัญญาแล้ว ปัญญาก็นำไปในกิจทั้งปวงที่ดีงาม สิ่งที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่สิ่งที่ผิด ไม่สำคัญว่าใครจะรัก ใครจะชังหรืออย่างไร แต่ได้ทำสิ่งที่ถูก ก็เป็นประโยชน์ที่สุดในชีวิต
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๒๙
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบแทบเท้าท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญ กับท่านอ.ด้วยเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
กล่าวความจริงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โดยไม่หวัง จึงไม่เดือดร้อน ใครจะเข้าใจผิดหรือกล่าวคำว่าร้ายต่างๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของความไม่รู้ ใช่ไหม แต่ไม่เป็นสิ่งที่เราจะต้องไปโกรธเคืองอะไรเลย เพราะเขาไม่รู้ รักษาใจไม่ใช่ใจคนอื่น แต่รักษาใจตัวเอง
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
ประโยชน์ที่สุดของชีวิต คือ ขณะที่เข้าใจธรรม เราค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ เข้าใจแล้วก็ยังช่วยคนอื่นโดยการกล่าวถึงคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เขาไตร่ตรองจนกระทั่งเกิดความเข้าใจถูกเห็นถูก นี้ก็เป็นกัลยาณมิตร เป็นเพื่อนที่ดีตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญเป็นแบบอย่าง
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ