ความแตกต่างกันของสติขั้นฟัง กับ สติที่รู้ลักษณะ
สติ ขั้นฟัง มีเรื่องของสภาพธรรมเป็นอารมณ์ ไม่รู้ลักษณะสติ ที่รู้ลักษณะ มีลักษณะสภาพธรรมเป็นอารมณ์ เป็นสติปัฏฐาน
สติเป็นโสภณธรรม ธรรมฝ่ายดี ขณะใดที่กุศลเกิด ขณะนั้นต้องมีสติเจสิกเกิดร่วมด้วย ขณะที่ฟังเข้าใจ ขณะนั้นก็เป็นกุศล ก็ต้องมีสติเกิดด้วย แต่ขณะที่ฟังเข้าใจขณะนั้น ไม่ได้รู้ลักษณะของสภาพธรรมะ ที่มีในขณะนั้นว่า เป็นธรรมมะไม่ใช่เรา มีเรื่องราว (บัญญัติ) เป็นอารมณ์ แต่ขณะใดที่เป็นสติ ระลึกสภาพธรรมะ ขณะนั้น เป็นสติ อีกระดับหนึ่ง ที่ระลึกเป็นไปในสภาพธรรมะ ซึ่งรู้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา มีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์ แต่ที่สำคัญ สติที่ระลึกลักษณะ จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องอาศัยสติขั้นการฟัง (ปัญญาเกิดร่วมด้วย) จนเข้าใจ จนเป็นเหตุปัจจัยให้ สติระลึกสภาพธรรมะครับ ดังนั้น ขาดการฟังเรื่องสภาพธรรมะไม่ได้เลยครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สติขั้นการฟังเป็นกุศลจิต ฟังแล้วเข้าใจก็เป็นเหตุให้สติปัฏฐานเกิดระลึกลักษณะของนามธรรมหรือรูปธรรม ในขณะนั้นสติมีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์ค่ะ
ขณะสติขั้นฟังเกิดเข้าใจเรื่องราว ขณะนั้นสติปัฏฐานไม่เกิด. ขณะสติปัฏฐานเกิด สติขั้นฟังไม่เกิดไม่เข้าใจเรื่องราว. ขณะตั้งใจฟังธรรมะตลอดเวลา ตรึกไปในเรื่องราวในธรรมที่กำลังฟังตลอดเวลา ขณะนั้น สติปัฏฐานไม่เกิดเลย. สรุปอย่างนี้ถูกไหมคะ.
ขณะที่สติปัฏฐานเกิด ไม่ต้องเรียกชื่ออะไรเลย ไม่มีเรื่องราว หรือบัญญัติ มีแต่ปรมัตถ์เท่านั้นเป็นอารมณ์ คือรู้ลักษณะของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏรวดเร็วมากแล้วก็ดับไป สติที่ระลึกสลับกับคิดนึกก็ได้ เป็นอนัตตาค่ะ ต้องเป็นปัญญาของคนนั้นที่จะรู้เอง ปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตนค่ะ