ควรพิจารณาสภาพธรรมที่ปรากฎให้เข้าใจได้ทาง ๖ ทวารในขณะนี้

 
narong.p
วันที่  1 มิ.ย. 2550
หมายเลข  3863
อ่าน  926

จากการฟังการสนทนาธรรม ที่มูลนิธิฯ มีความเข้าใจมากขึ้น ถึงความจริงว่า ชีวิตประจำวันนั้น อยู่กับความคิดนึกเรื่องราว สมมติบัญญัติทั้งวัน คำถามข้อสงสัยก็มักจะถามถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่เกื้อกูลแก่การเพิ่มขึ้น ของความเข้าใจสภาพธรรมที่ปรากฎ เช่น ทางตาก็มักจะเลยสภาพธรรมที่มีจริงไป (สิ่งที่ปรากฎทางตา วรรณรูป) เห็นเป็น คน สัตว์ โต๊ะเก้าอี้ ด้วยความรวดเร็วในการเกิดดับของจิต สุดที่จะประมาณได้ ดังนั้น จึงควรพิจารณาสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ทาง ๖ ทวาร ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่สามารถจะเข้าใจได้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 1 มิ.ย. 2550

ขออนุโมทนา

สิ่งที่ไม่ปรากฏ จะรู้หรือจะศึกษาได้อย่างไร เพราะไม่มีลักษณะให้รู้เลย

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
orawan.c
วันที่ 1 มิ.ย. 2550

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ปุถุชนคนหนึ่ง
วันที่ 1 มิ.ย. 2550

ขออนุโมทนา

วิบากทางตาดับแล้ว กิเลสก็เข้าครอบงำทันที รู้สึกยินดี ที่เห็นดอกไม้สวยๆ หนาสมชื่อปุถุชนจริงๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 1 มิ.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การเจริญสติปัฏฐาน มิได้ห้ามไม่ให้คิดนึก หรือตรึกถึงเรื่องราวต่างๆ เพราะมีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น แม้การคิดสงสัย ในเรื่องที่ไม่ใช่เกี่ยวกับสภาพธัมมะก็ตาม ก็บังคับไม่ได้ สะสมที่จะคิด และมีเหตุปัจจัยก็เกิด ดังนั้น จึงเป็นเรื่องของความเข้าใจ ตั้งแต่ต้นแม้ขั้นการฟังว่า ทุกอย่างเป็นธรรม แม้ความคิด แม้จะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ความคิดก็เป็นสภาพธัมมะ ดังนั้น การฟังธรรม คือเพื่อเข้าใจในสิ่งที่ฟังเท่านั้น ว่าทุกอย่างเป็นธรรม เมื่อมั่นคงจนเป็นสัจจญาณ สติย่อมเกิด แม้ขณะที่คิดเป็นไปในเรื่องอะไรก็ได้และย่อมไม่เดือดร้อนในสิ่งที่คิดครับ เพราะเป็นธรรม

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 1 มิ.ย. 2550

เป็นธรรมดาของปุถุชนที่สะสมอวิชชามานานแสนนาน เพียงขั้นฟังก็ยังละกิเลสไม่ได้ และก็ยังเห็นเป็นคน เป็นสัตว์ ฯลฯ เราก็ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ อบรมปัญญา จนกว่าจะเป็นพระโสดาบัน ละความเห็นผิดในสัตว์ บุคคล ตัวตน ได้ระดับหนึ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 6 มี.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ