ตราบใดยังต้องการอยู่ ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย
อ. ไม่เข้าใจความจริงว่า เป็นเรื่องละ แต่ขณะที่ถามนี้ เป็นเรื่องต้องการ ตรงกันข้ามเลยใช่ไหม..? เพราะฉะนั้น ก็มีเครื่องกั้นอยู่ตลอดเวลา ต้องการเห็นตามความเป็นจริง ต้องการประจักษ์การเกิด - ดับ แต่นี่เป็นเรื่องไม่รู้ค่ะ ไม่ใช่เป็นเรื่องละเพราะรู้ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะรู้ ตราบใดยังต้องการอยู่ ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย แต่ถ้าตราบใดที่รู้ว่า ตัวเองไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น จนกว่าจะได้ฟังธรรมะแล้ว เริ่มเข้าใจขั้นฟังเท่านั้นเอง จะฮวบฮาบไปถึงขั้น ประจักษ์แจ้งได้ยังไง มีทางที่จะเป็นอย่างนั้นได้หรือ เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ เพราะว่าความไม่รู้ยังเต็ม ยังมาก
ผู้ฟัง เหมือนกับตัวเอง กำลังจะฝึกอบรมอยู่
อ. ไม่ต้องค่ะ เลิกค่ะ ฝึกอบรมอะไร
ผู้ฟัง ก็คือฟัง แล้วจะเริ่มต้น
อ. ค่อยๆ เข้าใจ ก็คือ ค่อยๆ เ ข้าใจ แล้วจะทำอะไรกว่านั้น
ผู้ฟัง คิดว่าจะมีอะไรที่ง่ายกว่านั้น
อ. มีอะไรที่ง่ายกว่านั้นเอาไหมคะ ถามอย่างนี้ แล้วเอาไหม ... ?
ผู้ฟัง ไม่เอาค่ะ
อ. ไม่เอาอย่าถาม ถ้าถาม เหมือนจะต้องการใช่ไหมคะ
ผู้ฟัง ท่านอาจารย์บอกว่าให้ละ แล้วที่จะละนี้ หนูก็ยังละไม่ถูกว่าจะละยังไง
อ. จะให้ละ หรือฟังให้เข้าใจ เพราะฉะนั้น ก็เลิกพูดเรื่องจะละซีคะ คราวหน้าเอาเทปมาฟังใหม่จะไม่มีถามอย่างนี้
จาก การสนทนา ... โกสลสูตร ว่าด้วยการเจริญสติปัฏฐาน
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 382 เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๐