๑. อนุพุทธสูตร ว่าด้วยอริยธรรม ๔ (เริ่มเล่ม 35)
[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 1
อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต
ปฐมปัณณาสก์
ภัณฑคามวรรคที่ ๑
๑. อนุพุทธสูตร
ว่าด้วยอริยธรรม ๔
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 35]
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 1
พระสุตตันตปิฎก
อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต
เล่มที่ ๒
ปฐมปัณณาสก์
ภัณฑคามวรรคที่ ๑
๑. อนุพุทธสูตร
ว่าด้วยอริยธรรม ๔
[๑] ข้าพเจ้า (พระอานนท์) ได้สดับมาอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ ณ บ้านภัณฑคามในแคว้น วัชชี ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายในที่นั้นด้วยพระพุทธพจน์ ว่า ภิกฺขโว (ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย). ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลขานรับด้วยคำว่า ภทนฺเต (พระพุทธเจ้าข้า) แล้วตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะไม่รู้ไม่แจ้งซึ้งธรรม ๔ ประการ เราท่านทั้งหลายจึงได้เวียนว่ายตายเกิดอยู่สิ้นกาลนาน ธรรม ๔ ธรรม คืออะไรบ้าง คือ อริยศีล อริยสมาธิ อริยปัญญา อริยวิมุตติ.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 2
ภิกษุทั้งหลาย อริยศีล อริยสมาธิ อริยปัญญา อริยวิมุตติ นี้นั้น เราท่านได้รู้แล้วได้แจ้งแล้ว ความทะเยอทะยานในภพ เป็นอันเราท่านถอนได้แล้ว สายโยงไปสู่ภพขาดสิ้นแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มี.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้พระสุคตศาสดา ได้ตรัสพระธรรมเทศนา ไวยากรณภาษิตนี้แล้ว ครั้นแล้วจึงตรัสนิคมคาถาประพันธ์นี้อีกว่า
สีลสมาธิปญฺา จ วิมุตฺติ จ อนุตฺตรา อนุพุทฺธา อิเม ธมฺมา โคตเมน ยสสฺสินา
ธรรมเหล่านี้ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา และวิมุตติ อันยอดเยี่ยม พระโคดมผู้ทรงเกียรติ ได้ตรัสรู้แล้ว.
อิติ พุทฺโธ อภิญฺาย ธมฺมมกฺขาสิ ภิกฺขุนํ ทุกฺขสฺสนฺตกโร สตฺถา จกฺขุมา ปรินิพฺพุโต
พระพุทธเจ้า ครั้นทรงรู้จริงอย่างนี้แล้ว ทรงบอกพระธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย พระองค์ผู้พระศาสดามีจักษุ ทรงกระทำที่สุดทุกข์ ดับสนิทแล้ว.
จบอนุพุทธสูตรที่ ๑
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 3
อรรถกถาอังคุตตรนิกาย ชื่อ มโนรถปูรณี
จตุกนิบาตวรรณนา
ปฐมปัณณาสก์
ภัณฑคามวรรควรรณนาที่ ๑
อรรถกถาอนุพุทธสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในอนุพุทธสูตรที่ ๑ แห่งจตุกนิบาต ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อนนุโพธา ได้แก่ เพราะไม่รู้ เพราะไม่ทราบ บทว่า อปฺปฏิเวธา ได้แก่ เพราะไม่แทงตลอด คือ เพราะไม่ทำให้ประจักษ์ บทว่า ทีฆมทฺธานํ แปลว่า สิ้นกาลนาน. บทว่า สนฺธาวิตํ ได้แก่ แล่นไป โดยไปจากภพสู่ภพ. บทว่า สํสริตํ ได้แก่ ท่องเที่ยวไป โดยไปมาบ่อยๆ. บทว่า มมญฺเจว ตุมฺหากญฺจ แปลว่า อันเราและอันท่านทั้งหลาย. อีกอย่างหนึ่ง ในบทว่า สนฺธาวิตํ สํสริตํ นี้ พึงทราบเนื้อความอย่างนี้ว่า การแล่นไป การท่องเที่ยวไป ได้มีแล้วทั้งแก่เราทั้งแก่ท่านทั้งหลาย บทว่า อริยสฺส ได้แก่ไม่มีโทษ. ก็ธรรม ๓ เหล่านี้ คือ ศีล สมาธิ และปัญญา พึงทราบว่า สัมปยุตตด้วยมรรคและผลแล. ผลเท่านั้น ท่านแสดงโดยชื่อว่า วิมุตติ. บทว่า ภวตณฺหา ได้แก่ ตัณหาในภพทั้งหลาย. บทว่า ภวเนตฺติ ได้แก่ ตัณหา ดุจเชือกผูกสัตว์ไว้ในภพ. บทนั้นเป็นชื่อของตัณหานั่นแล จริงอยู่ ตัณหานั้นนำสัตว์ทั้งหลายไปสู่ภพนั้นๆ เหมือนผูกคอโค เพราะฉะนั้น ตัณหานั้น ท่านจึงเรียกว่า ภวเนตฺติ. บทว่า อนุตฺตรา ได้แก่ โลกุตระ บทว่า ทุกฺขสฺสนฺตกโร ได้แก่ ทรงทำที่สุดแห่งวัฏทุกข์. บทว่า จกฺขุมา ได้แก่ ทรงมีจักษุด้วยจักษุทั้ง ๕. บทว่า ปรินิพฺพุโต ได้แก่ ปรินิพพานแล้วด้วย
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 4
กิเลสปรินิพพาน (คือดับกิเลส). ทรงจบเทศนาตามลำดับอนุสนธิว่า นี้เป็นการ ปรินิพพานครั้งแรกของพระศาสดานั้น ณ โพธิมัณฑสถาน. แต่ภายหลังพระองค์ ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุดับขันธ์ ณ ระหว่างไม้สาละคู่ดังนี้.
จบอรรถกถาอนุพุทธสูตรที่ ๑