พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๕. รูปสูตร ว่าด้วยบุคคลเลื่อมใส ๔ จําพวก

 
บ้านธัมมะ
วันที่  23 ต.ค. 2564
หมายเลข  38855
อ่าน  456

[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 210

ทุติยปัณณาสก์

ปัตตกัมมวรรคที่ ๒

๕. รูปสูตร

ว่าด้วยบุคคลเลื่อมใส ๔ จําพวก


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 35]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 27 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 210

๕. รูปสูตร

ว่าด้วยบุคคลเลื่อมใส ๔ จำพวก

[๖๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก บุคคล ๔ จำพวกคือใคร คือ

รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน บุคคลถือรูปเป็นประมาณ เลื่อมใสในรูป

โฆสปฺปมาโณ โฆสปฺปสนฺโน บุคคลถือเสียงกึกก้องเป็นประมาณเลื่อมใส ในเสียงกึกก้อง

ลูขปฺปมาโณ ลูขปฺปสนฺโน บุคคลถือความเศร้าหมองเป็นประมาณ เลื่อมใสในความเศร้าหมอง

ธมฺมปฺปมาโณ ธมฺมปฺปสนฺโน บุคคลถือธรรมเป็นประมาณ เลื่อมใสในธรรม

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลบุคคล ๔ จำพวกมีปรากฏอยู่ ในโลก.

บุคคลเหล่าใดถือรูปเป็นประมาณก็ดี บุคคลเหล่าใดคล้อยไปตามเสียงกึกก้องก็ดี บุคคลเหล่านั้น ตกอยู่ในอำนาจความพอใจ รักใคร่แล้ว ย่อมไม่รู้จักชนผู้นั้น.

คนโง่ย่อมไม่รู้ (คุณธรรม) ภายใน ทั้งไม่เห็น (ข้อปฏิบัติ) ภายนอก (ของชนผู้นั้น) ถูกรูปและเสียงปิดบัง (ปัญญา)

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 27 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 211

เสียจนรอบ คนโง่นั้นจึงถูกเสียงกึกก้อง พัดพาไปได้.

บุคคลใดไม่รู้ภายใน แต่เห็นภายนอก เห็นแต่ผล (คือลาภสักการที่ผู้นั้นได้) ในภายนอก แม้บุคคลนั้นก็ยังจะถูกเสียง กึกก้องพัดพาไปได้.

บุคคลใดทั้งรู้ภายในทั้งเห็นภายนอก เห็นแจ้งไม่มีอะไรเป็นเครื่องปิดบัง บุคคลนั้นย่อมไม่ถูกเสียงกึกก้องพัดพาไป.

จบรูปสูตรที่ ๕

อรรถกถารูปสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในรูปสูตรที่ ๕ ดังต่อไปนี้ :-

บุคคลถือประมาณในรูปแล้วเลื่อมใส ชื่อรูปัปปมาณ. บทว่ารูปปฺปสนฺโน เป็นไวพจน์ความของบท รูปปฺปมาโณ นั้น. บุคคลถือประมาณ ในเสียงกึกก้องแล้วเลื่อมใส ชื่อโฆสัปปมาณ. บุคคลถือประมาณในความปรากฏของจีวรและบาตรแล้วเลื่อมใส ชื่อลูขัปปมาณ. บุคคลถือประมาณในธรรมแล้ว เลื่อมใส ชื่อธัมมัปปมาณ. บทนอกจากนี้ เป็นไวพจน์ความของบทเหล่านั้นนั่นแล เพราะแบ่งสรรพสัตว์ออกเป็นสามส่วน สองส่วน ถือรูปเป็นประมาณ. ส่วนหนึ่ง ไม่ถือรูปเป็นประมาณ. เพราะแบ่งสรรพสัตว์ ออกเป็นห้าส่วน สี่ส่วน ถือเสียงกึกก้องเป็นประมาณ ส่วนหนึ่งไม่ถือเสียง

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 27 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 212

กึกก้องเป็นประมาณ. เพราะแบ่งสรรพสัตว์ออกเป็น ๑๐ ส่วน เก้าส่วน ถือ ความปอนเป็นประมาณ ส่วนหนึ่งไม่ถือความปอนเป็นประมาณ. แต่เมื่อแบ่งสรรพสัตว์ออกเป็นแสนส่วน ส่วนเดียวเท่านั้น ถือธรรมเป็นประมาณ ที่เหลือพึงทราบว่า ไม่ถือธรรมเป็นประมาณ ดังนี้.

บทว่า รูเปน ปามึสุ ความว่า บุคคลเหล่าใดเห็นรูปแล้วเลื่อมใส บุคคลเหล่านั้น ชื่อว่าถือรูปเป็นประมาณ อธิบายว่า นับถือแล้ว. บทว่า โฆเสน อนฺวคู ความว่า บุคคลเหล่าใดไหลไปตามเสียงกึกก้อง อธิบายว่า บุคคลเหล่านั้นถือเสียงกึกก้องเป็นประมาณแล้วจึงเลื่อมใส. บทว่า ฉนฺทราควสูเปตา ได้แก่ ตกอยู่ในอำนาจความพอใจ และรักใคร่เสียแล้ว. บทว่า อชฺฌตฺตญฺจ น ชานาติ ความว่า คนโง่ ย่อมไม่รู้จักคุณข้างในของเขา. บทว่า พหิทฺธา จ น ปสฺสติ ความว่า ย่อมไม่เห็นข้อปฏิบัติข้างนอกของเขา. บทว่า สมนฺตาวรโณ ได้แก่ ถูกเสียงปิดบังเสียจนรอบ. อีกอย่างหนึ่งชื่อว่า สมันตาวรณะ เพราะเสียงกั้นไว้รอบ. บทว่า โฆเสน วุยฺหติ ความว่า คนโง่นั้นจึงถูกเสียงกึกก้องชักนำไป หาใช่ถูกคุณนำไปไม่. บทว่า อชฺฌตฺตญฺจ น ชานาติ พหิทฺธา จ วิปสฺสติ ความว่า บุคคลไม่รู้คุณข้างใน แต่เห็นการปฏิบัติข้างนอกของเขา. บทว่า พหิทฺธา ผลทสฺสาวี ความว่า เห็นผลสักการะข้างนอกที่บุคคลอื่นทำแก่เขา. บทว่า วินีวรณทสฺสาวี ความว่า เห็นอย่างไม่มีอะไรปิดบัง. บทว่า น โส โฆเสน วุยฺหติ ความว่า บุคคลนั้นจึงไม่ถูกเสียงกึกก้องชักนำไป.

จบอรรถกถารูปสูตรที่ ๕