๑๐. สุคตสูตร ว่าด้วยแบบแผนคําสั่งสอนของพระสุคต
[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 380
จตุตถปัณณาสก์
อินทริยวรรคที่ ๑
๑๐. สุคตสูตร
ว่าด้วยแบบแผนคําสั่งสอนของพระสุคต
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 35]
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 380
๑๐. สุคตสูตร
ว่าด้วยแบบแผนคำสั่งสอนของพระสุคต
[๑๖๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระสุคตก็ดี วินัยพระสุคตก็ดี ยังประดิษฐานอยู่ในโลก อันนั้นเป็นไปเพื่อเกื้อกูลแก่คนมาก เพื่อความสุขของคนมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เป็นความเจริญ เป็นผลดี เป็นความสุขแก่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 381
ก็พระสุคตเป็นไฉน? คือ ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ (อรหํ) เป็น พระอรหันต์ (สมฺมาสมฺพุทฺโธ) เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ (วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน) เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ (สุคโต) เป็นผู้ไปดี (โลกวิทู) เป็นผู้รู้แจ้งโลก (อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ) เป็นสารถีฝึก คนไม่มีใครยิ่งกว่า (สตฺถา เทวมนุสฺสานํ) เป็นผู้สอนเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย (พุทฺโธ) เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้เบิกบานแล้ว (ภควา) เป็นผู้จำแนกธรรม นี้คือ พระสุคต
วินัยพระสุคตเป็นไฉน? คือพระสุคตนั้นแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถพร้อมทั้งพยัญชนะ บริบูรณ์บริสุทธิ์สิ้นเชิง (ธรรมที่พระสุคตแสดง พรหมจรรย์ที่พระสุคตประกาศ) นี้คือ วินัยพระสุคต
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระสุคตก็ดี วินัยพระสุคตก็ดี นี้ยังประดิษฐานอยู่ในโลก อันนั้นเป็นไปเพื่อเกื้อกูลแก่คนมาก เพื่อความสุขของคนมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เป็นความเจริญ เป็นผลดี เป็นความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการนี้เป็นเหตุให้พระสัทธรรม เลอะเลือนอันตรธานไป ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุทั้งหลายในพระวินัยนี้ เล่าเรียนสูตรอันถือกันมาผิดด้วยบท พยัญชนะที่ใช้ผิด เนื้อความแห่งบทพยัญชนะที่ใช้ผิด ย่อมมีนัยอันผิดไปด้วยนี้ธรรมประการที่ ๑ เป็นเหตุให้พระสัทธรรมเลอะเลือนอันตรธานไป
อีกประการหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ว่ายาก ประกอบด้วยธรรมอัน ทำความว่ายาก ไม่อดทน ไม่รับคำสั่งสอนโดยเบื้องขวา นี้ธรรมประการที่ ๒ เป็นเหตุให้พระสัทธรรมเลอะเลือนอันตรธานไป
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 382
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเหล่าใดเป็นพหูสูต เล่าเรียนนิกาย ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ภิกษุเหล่านั้นไม่เอาใจใส่บอกสอนแก่ผู้อื่น เมื่อภิกษุเหล่านั้นล่วงไป สูตรก็ขาดผู้เป็นมูล (อาจารย์) ไม่มีที่อาศัยสืบไป นี้ธรรมประการที่ ๓ เป็นเหตุให้พระสัทธรรมเลอะเลือนอันตรธานไป
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ใหญ่ๆ เป็นผู้สะสมบริขาร ปฏิบัติย่อหย่อน มุ่งไปทางจะลาสิกขา ทอดธุระในปวิเวก ไม่ทำความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง ปัจฉิมชนตา (ประชุมชนผู้เกิดภายหลัง คือสัทธิวิหาริกและอันเตวาสิกเป็นต้น) ได้เยี่ยงอย่างภิกษุผู้ใหญ่เหล่านั้น ก็พลอยเป็นผู้สะสมบริขาร ปฏิบัติย่อหย่อน มุ่งไปทางจะลาสิกขา ทอดธุระในปวิเวก ไม่ทำความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง ปตามกัน นี้ธรรมประการที่ ๔ เป็นเหตุให้พระสัทธรรมเลอะเลือนอันตรธาน ไป
ภิกษุทั้งหลาย นี้แลธรรม ๔ ประการ เป็นเหตุให้พระสัทธรรม เลอะเลือนอันตรธาน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการนี้เป็นเหตุให้พระสัทธรรม ตั้งอยู่ ไม่เลอะเลือนอันตรธานไป ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุทั้งหลายในพระวินัยนี้เล่าเรียนสูตรอันถือกันมาด้วยบทพยัญชนะ ที่ใช้ถูกต้อง เนื้อความแห่งบทพยัญชนะที่ใช้ถูกต้องย่อมมีนัยอันถูกต้องเช่นกัน นี้ธรรมประการที่ ๑ เป็นเหตุให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ ไม่เลอะเลือนอันตรธานไป
อีกประการหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ว่าง่าย ประกอบด้วยธรรมอันทำความว่าง่าย เป็นผู้อดทน รับคำสั่งสอนโดยเบื้องขวา นี้ธรรมประการที่ ๒ เป็นเหตุให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่เลอะเลือนอันตรธานไป
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 383
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเหล่าใดเป็นพหูสูต เล่าเรียนนิกาย ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ภิกษุเหล่านั้นเลาใจใส่บอกสอนสูตรแก่ผู้อื่น เมื่อภิกษุ เหล่านั้นล่วงไป สูตรก็ไม่ขาดมูล (อาจารย์) มีที่อาศัยสืบกันไป นี้ธรรม ประการที่ ๓ เป็นเหตุให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่เลอะเลือนอันตรธานไป
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ใหญ่ๆ ไม่เป็นผู้สะสมบริขาร ไม่ปฏิบัติย่อหย่อน เป็นผู้ทอดธุระในการลาสิกขา มุ่งหน้าไปทางปวิเวก ทำความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง หมู่ชนผู้เกิดมาภายหลัง ได้เยี่ยงอย่างภิกษุผู้ใหญ่เหล่านั้น ก็พากันเป็นผู้ไม่สะสมบริขาร ไม่ปฏิบัติย่อหย่อน เป็นผู้ทอดธุระในการลาสิกขา มุ่งหน้าไปทางปวิเวก ทำความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้งไปตามกัน นี้ธรรม ประการที่ ๔ เป็นเหตุให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่เลอะเลือนอันตรธานไป
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลธรรม ๔ ประการ เป็นเหตุให้พระสัทธรรม ตั้งอยู่ ไม่เลอะเลือนอันตรธาน.
จบสุคตสูตรที่ ๑๐
จบอินทริยวรรคที่ ๑
อรรถกถาสุคตสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในสุคตสูตรที่ ๑๐ ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ทุคฺคหิตํ ได้แก่ ถือกันมานอกลำดับ. บทว่า ปริยาปุณนฺติ ได้แก่ ถ่ายทอดมาคือกล่าว. ก็ในบทว่า ปทพฺยญฺชเนหิ นี้ ท่านกล่าวว่า
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 384
บทของความนั่นแหละเป็นพยัญชนะโดยพยัญชนะ. บทว่า ทุนฺนิกฺขิตฺตสฺส ได้แก่ใช้ผิด คือตั้งไว้นอกลำดับ. บทว่า อตฺโถปิ ทุนฺนโย โหติ ได้แก่ ไม่อาจจะนำอรรถกถาออกมากล่าวได้. บทว่า ฉินฺนมูลโก ได้แก่ ชื่อว่า ฉินฺนมูลก เพราะขาดภิกษุผู้เป็นมูล (อาจารย์). บทว่า อปฺปฏิสรโณ คือ ไม่มีที่พึ่ง. บทว่า พาหุลฺลิกา ได้แก่ ปฏิบัติเพื่อสะสมปัจจัย. บทว่า สาถลิกา ได้แก่ ถือไตรสิกขาย่อหย่อน. บทว่า โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา ได้แก่ นิวรณ์ ๕ ท่านเรียกว่า โอกกมนะ เพราะเดินลงต่ำ (เสื่อม) อธิบายว่า มุ่งไปในโอกกมนะนั้น (มุ่งไปในทางจะลาสิกขา). บทว่า ปวิเวเก ได้แก่ วิเวก ๓. บทว่า นิกฺขิตฺตธุรา ได้แก่ ไม่มีความเพียร. พึงทราบความใน ที่ทั้งปวงในสูตรนี้.
จบอรรถกถาสุคตสูตรที่ ๑๐
จบอินทริยวรรควรรณนาที่ ๑
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. อินทริยสูตร ๒. ปฐมพลสูตร ๓. ทุติยพลสูตร ๔. ตติยพลสูตร ๕. จตุตถพลสูตร ๖. กัปปสูตร ๗. โรคสูตร ๘. ปริหานิสูตร ๙. ภิกขุนีสูตร ๑๐. สุคตสูตร และอรรถกถา.