การอยู่ในที่มืดสนิทไม่มีแสงผ่านจักขุวิญญานและทวิปัญญจวิญญานจะเกิดขึ้นไหม

 
lokiya
วันที่  28 ต.ค. 2564
หมายเลข  39279
อ่าน  448

.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 29 ต.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขณะที่เห็นขณะเดียว ขณะนั้นมีจิตเห็นเกิดขึ้น มีเจตสิกเกิดร่วมด้วย มีที่เกิดของจิตเห็น และมีสีปรากฏ เป็นอารมณ์ของจิตเห็น ซึ่งแต่ละอย่างๆ ก็เป็นแต่ละอายตนะ แต่ละอายตนะล้วนเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ทุกอย่างที่ปรากฏ ไม่พ้นจากสภาพธรรมตามความเป็นจริง ที่เป็นจิต เจตสิก รูป และนิพพาน แม้แต่การเห็นก็มีจริง ที่เป็นสภาพธรรมที่เป็นจิต คือ จักขุวิญญาณ คือจิตเห็น ซึ่งสภาพธรรมทุกอย่างเกิดขึ้น จะต้องมีเหตุปัจจัย จึงเกิดขึ้นแม้แต่การเห็นก็เช่นกัน จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะอาศัย จักขุปสาทรูป คือ ตา และ รูปารมณ์ คือ สี ที่เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา และอาศัย รูปารมณ์ กับ ตา กระทบกัน และบางนัยก็กล่าวว่าอาศัยแสงสว่าง และเมื่อกรรมให้ผล ก็เกิด จักขุวิญญาณ การเห็นเกิดขึ้น

แต่ถ้าแม้ในที่มืด แต่มีแสงน้อยมากๆ ๆ ๆ ก็ยังเกิดการเห็นได้ ดังนั้นการเห็นก็อาศัยปัจจัยคือธรรมหลายๆ อย่างประชุมรวมกันครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 29 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 29 ต.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอเชิญอ่านคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เพิ่มเติม ดังนี้


. ถ้าในห้องนี้มืด เราไม่เห็นโต๊ะ ไม่เห็นเก้าอี้ ก็หมายความว่า วัณณรูปไม่มี ใช่ไหม

สุ. มีจักขุปสาท ลืมตาขึ้นมา เห็นมืดไหม

. เห็นมืด เห็น

สุ. ขณะนั้นเป็นเพราะจักขุปสาท ไม่ใช่มโนทวารวิถีจิต

. จักขุวิญญาณ ก็เกิด ใช่ไหม

สุ. จักขุวิญญาณเกิดขึ้นเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา แล้วแต่ว่าจะเป็นอะไร ก็ตาม จะเป็นมืดหรือจะเป็นสว่าง เราไม่แยก สิ่งใดก็ตามที่ปรากฏทางตา ทั้งหมด เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งซึ่งปรากฏเมื่อกระทบกับจักขุปสาท

. ถ้าเราเห็นสิ่งของ ต้องมีวัณณรูปจึงเห็น แต่ความมืด ความมืดมี วัณณรูปหรือ

สุ. ที่สงสัย เข้าใจว่าสงสัยในเรื่องของสี ในเรื่องของแสง คือ สงสัยในเรื่อง ใช่ไหม แต่ข้ามสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทางตาในขณะนี้โดยที่ยังไม่ได้คิดอะไรเลย ยังไม่ได้คิดว่าเป็นสีหรือเป็นแสง ยังไม่ได้เรียกว่าสีหรือว่าแสง แต่ว่ามีสภาพธรรมที่กำลังปรากฏซึ่งไม่ใช่สภาพรู้ และมีจิตหรือสภาพที่กำลังเห็นสิ่งที่กำลังปรากฏ เพียงชั่วขณะที่ทั้งจักขุปสาทและรูปนั้นยังไม่ดับ นิดเดียวเท่านั้น ยังไม่มีเรื่องอะไรเลย ที่จะต้องคิดว่าเป็นแสงหรือว่าเป็นสี หรือว่าอยู่ที่ไหน ความจริงมีอยู่เพียงเท่านี้เอง คือ สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่กระทบกับจักขุปสาทรูป ทำให้เกิดการเห็นขึ้นในขณะที่สิ่งนั้นกำลังปรากฏ แต่ไม่ใช่ในขณะที่กำลังนึกเรื่องว่านี่เป็นมืดหรือ นี่เป็นสว่าง นี่เป็นแสงหรือนี่เป็นสี หรือมาจากไหน

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 29 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Witt
วันที่ 29 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ