แต่ละบุคคลก็เป็นเพียงจิต เจตสิก รูป
หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๕๖๖]
แต่ละบุคคลก็เป็นเพียงจิต เจตสิก รูป
ผู้ที่อดทน คือ ผู้ที่ประกอบด้วยความอดทนต่อการกระทำทางกายและวาจาของคนอื่น ย่อมเป็นผู้ไม่มีอาการผิดแปลก เป็นประหนึ่งว่าไม่ได้ยิน และเป็นประหนึ่งว่าไม่ได้เห็นการกระทำและวาจานั้นๆ
พอที่จะเป็นอย่างนี้ได้ไหม ในขณะที่สติปัฏฐานเกิด (ระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ) จะสบายมากสะดวกมากทีเดียว เพราะเหตุว่าในขณะนั้นเป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่ปรากฏเกิดขึ้นเป็นอารมณ์แล้วก็หมดไป ถ้าท่านจะโกรธบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เวลาที่ได้ยินคำพูดของท่านผู้นั้น ถ้าสติปัฏฐานเกิดในขณะนั้น จะรู้ได้ว่าเสียงเป็นแต่เพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ถ้าใจของท่านคิดถึงบุคคลที่กล่าวคำที่ท่านไม่พอใจ ขณะนั้นแท้จริงแล้วบุคคลนั้นก็ไม่มี แม้ตัวท่านก็ไม่มี เป็นแต่เพียงจิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต) รูป (สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร ไม่ใช่สภาพรู้) ซึ่งเกิดขึ้นและดับไป ทั้งจิต เจตสิก รูปของท่านเอง ทั้งจิต เจตสิก รูปของผู้ที่ท่านยึดมั่นว่าเป็นบุคคลหนึ่งบุคคลใด จิตของผู้นั้นก็ดับไปแล้วพร้อมกับเจตสิก และรูปของท่านผู้นั้นก็ดับไปแล้วทุกๆ ขณะ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีบุคคลหนึ่งบุคคลใด เป็นสัตว์ บุคคลที่ยั่งยืน ที่จะทำให้ท่านสมควรที่จะยึดมั่นในบุคคลนั้นแล้วก็มีความโกรธ หรือผูกโกรธทุกครั้งที่ระลึกถึงบุคคลนั้นขึ้น เพราะเหตุว่าทุกคนอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่มีโลกอื่นเข้ามาปะปนเลย หลังจากเห็นก็คิด หลังจากได้ยินก็คิด หลังจากได้กลิ่นก็คิด หลังจากลิ้มรสก็คิด หลังจากที่กระทบสัมผัสก็คิด เพราะฉะนั้นอยู่ในโลกความคิดของตัวเอง และให้ทราบว่าตาก็ดี หูก็ดี จมูกก็ดี ลิ้นก็ดี กายก็ดี เป็นแต่เพียงทางหรือทวารที่จะนำเรื่องต่างๆ มาสู่ใจ และสภาพธรรมใดรับอารมณ์นั้น ตาเห็น นำเรื่องมาสู่ใจ แล้วแต่ว่าจิตที่คิดจะเป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิตของตนเอง อารมณ์ที่ปรากฏดับไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย สัตว์บุคคลที่เที่ยงจริงๆ ไม่มีเลย
เพราะฉะนั้นทุกคนมักจะคิดถึงความตายในลักษณะที่ว่า พูดได้ว่าความตายจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ อาจจะเป็นเย็นนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้ แต่ถ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ ทำไมจะยังโกรธคนอื่นซึ่งเมื่อท่านตายแล้ว หมดสิ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้ และท่านจะไม่ได้พบกับบุคคลอื่นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเหตุว่าแต่ละบุคคลก็เป็นเพียงจิต เจตสิก รูป ซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น ท่านก็จะมีแต่กิเลสของท่านเองในความคิดของตัวเองเท่านั้น ที่จะทำให้ภพต่อไป ท่านจะเป็นผู้ที่ยังคงมีความผูกโกรธ มีการไม่ให้อภัยตามที่สะสมไว้ เพราะเหตุว่ายังไม่เห็นโทษ
เพราะฉะนั้นก็เป็นสิ่งที่ควรจะได้พิจารณาจริงๆ ถึงพระธรรมที่ละเอียด และเป็นประโยชน์กับแต่ละท่านที่ควรจะน้อมประพฤติปฏิบัติตาม
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย