ฟังจนกว่าจะเข้าใจ_สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี วันเสาร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔

 
khampan.a
วันที่  30 ต.ค. 2564
หมายเลข  39358
อ่าน  770

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


"ฟังจนกว่าจะเข้าใจ"

ถอดจากคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี

วันเสาร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔

(ดอกบัวที่ มศพ. บันทึกภาพ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔)



~ ต้องไม่ลืมว่า ได้ยินคำว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้จักพระองค์พอหรือยัง? เพียงได้ยินชื่อ แต่ว่า ที่จะรู้จักพระองค์จนนับถือพระองค์สูงสุด ยากมาก

~ ก่อนอื่น ต้องมีความเข้าใจที่มั่นคงว่าไม่มีเรา ไม่มีคุณอาช่า เพราะไม่รู้ความจริงเดี๋ยวนี้ จึงเป็นคุณอาช่า ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเข้าใจถูกต้อง ว่า นี่พระองค์ตรัส ไม่ใช่เราคิดเอง

~ มีเสียงปรากฏ ทุกคนบอกว่าไม่มีเรา แต่มีเสียง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงว่าต้องมีสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยิน จึงมีเสียงปรากฏ ถ้าไม่มีสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยินเสียง เสียงก็ปรากฏไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ยิน ไม่ใช่เรา แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยินเท่านั้น นี่คือคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะฉะนั้น ฟังทุกคำ เพื่อรู้ว่าพระองค์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เอง

~ กำลังได้ยินเสียง ใครรู้ว่ามีสภาพธรรมที่เกิดขึ้นได้ยิน เสียงจึงปรากฏ ถ้าไม่มีสภาพที่เกิดขึ้นได้ยิน เสียงก็ไม่ปรากฏ

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ จนกว่าจะเข้าใจถูกต้อง เดี๋ยวนี้เป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทรงแสดงจากการที่ได้ตรัสรู้ทั้งหมด

~ ถ้าไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้แต่ละหนึ่ง ก็จะไม่สามารถรู้จักความจริงใดๆ ได้เลย ได้แต่พูดว่าธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง

~ ถ้าไม่ฟังว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้แล้วก็ทรงแสดงความจริงเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกต้อง ก็จะไม่มีวันรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่คิดว่านับถือพระองค์

~ ถ้าไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ จะชื่อว่านับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ไหม?

~ ถ้าเข้าใจความจริง ก็รู้ว่า ผู้ที่แสดงความจริงให้เข้าใจนั่นเอง คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้จักพระองค์ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ที่กล่าวคำจริงให้เราเข้าใจ จึงนับถือ

~ ฟังทุกคำ เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ เพราะพระองค์ตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ ทรงแสดงความจริงให้รู้ความจริงของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ จึงจะรู้ว่าไม่มีเรา

~ กำลังได้ยินทุกคำ คิดทุกคำ เริ่มเข้าใจทุกคำว่าไม่มีเรา แต่ถ้าไม่ฟัง เห็นเป็นเราเห็น เกิดเป็นเราเกิด จำเป็นเราจำ ตายเป็นเราตาย ทุกอย่าง ไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่มี จึงเป็นเราและเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ตลอดเวลาที่อยู่ในโลกซึ่งไม่รู้ความจริง

~ ทุกครั้งที่เราสนทนากัน เพื่อที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อรู้ความจริง เพราะว่า ถ้าไม่รู้ความจริง จะไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ เริ่มรู้ว่าขณะนี้ที่กำลังฟัง กำลังเริ่มถูกปลุกให้ตื่น เมื่อไหร่ที่รู้ความจริง เมื่อนั้นก็รู้ว่าตื่นแล้วจากการหลับที่ไม่รู้อะไรเลย

~ สิ่งที่มีจริงทั้งหมดเป็นจริง เปลี่ยนไม่ได้ ความอยากความต้องการ ความติดข้อง มีจริงๆ เปลี่ยนไม่ได้ มีจริงแน่นอน

~ สิ่งที่มีจริง ไม่ใช่ชื่อ แต่มีจริงๆ และก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ใครจะไปทำให้เกิดขึ้นได้ แต่มี เพราะเกิดขึ้น

~ เราฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ นี่เป็นสิ่งที่ต้องตระหนัก ต้องรู้ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นคำจริง เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้

~ ต้องรู้ความจริงว่าฟังทุกคำ เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าฟังทุกคำแล้วไม่รู้สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ มีประโยชน์ไหม?

~ ต้องรู้ว่าทุกอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส มีจริงๆ เดี๋ยวนี้ ให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงซึ่งเป็นสิ่งที่รู้ยาก จึงต้องฟัง ค่อยๆ เข้าใจขึ้น จึงสามารถที่จะรู้ได้

~ เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริงทั้งหมดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแล้ว มีปฏิจจสมุปบาท (ธรรมที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น) มีอริยสัจจะ (ความจริงของพระอริยะ, ความจริงที่ทำให้ผู้รู้แจ้งถึงความเป็นพระอริยบุคคล) มีธาตุ (สภาพที่ทรงไว้ซึ่งลักษณะของตน) มีอายตนะ (สภาพธรรมที่ประชุมกันในขณะที่จิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทีละขณะ) มีทุกอย่าง แต่ยังไม่สามารถรู้ได้จนกว่าจะเข้าใจคำของพระองค์ที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ แล้วค่อยๆ รู้ว่า กำลังมีจริงๆ

~ เดี๋ยวนี้กำลังเห็น ไม่เคยฟังมาเลยว่าเห็นไม่ใช่เรา เพราะทุกครั้งที่เห็น ก็เป็นเรา แต่พอฟังแล้ว ถ้าเห็นไม่เกิด ไม่มีเห็น ใครก็ทำให้เห็นเกิดไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้เห็นเกิดแล้ว เห็นจะเป็นเราไม่ได้

~ เริ่มรู้ความจริงว่าทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนตายทุกชาติ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ใช่ของเรา

~ เห็นเกิดเป็นเห็น ไม่ใช่เรา จำเกิดเป็นจำ ไม่ใช่เรา ชอบเกิดเป็นชอบ ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น มีคำว่า “สิ่งที่มีจริงนั่นแหละ มีจริงๆ ชั่วขณะที่เกิดแล้วดับไป แล้วไม่กลับมาอีกเลย”

~ ชาติ หมายความถึงเกิดแน่นอน ไม่เป็นอย่างอื่น ธรรมคือสิ่งที่มีจริง เปลี่ยนไม่ได้ เพราะฉะนั้นคำว่า ธรรมชาติ หมายถึง สิ่งนั้นที่เป็นจริง เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้

~ ควรเป็นคนดี หมายความว่า รู้ว่าอะไรดี ความรู้นั้น ทำให้เป็นคนดี เวลาที่ดี ก็เข้าใจว่าคนนั้นดี แต่ถ้ารู้ว่า ดี ไม่ใช่เรา ยิ่งดี ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น อะไรดีที่สุด? ต้องเข้าใจธรรม แล้วขณะนั้นก็ไม่ใช่เราด้วย

~ มีกิเลสอย่างละเอียดที่สุดที่ไม่เกิด เป็นอนุสัย และเมื่อมีการเห็นการได้ยินแล้วกิเลสที่สะสมมาหมักดองอยู่ในจิตพร้อมที่จะไหลไปทันทีมีความไม่รู้ในสิ่งนั้นและมีความติดข้องในสิ่งนั้นหลังจากที่เห็นแล้วดับไปแล้วจิตเกิดต่อ ๓ ขณะ ก็มีอาสวะ (กิเลสที่บางเบาไหลไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ) แล้ว เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ กำลังมีอาสวะ แต่ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดง ใครรู้ว่ามี

~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทุกคำไม่ใช่ให้พูดตาม แต่ให้เข้าใจความจริงที่ไม่เคยรู้ความจริงนั้นมาก่อน เป็นพระคุณสูงสุดในสังสารวัฏฏ์ที่มีโอกาสได้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้

~ ธรรม ต้องไตร่ตรอง ไม่ใช่ฟังแล้วผ่านไปเลย แต่ต้องรู้ว่าฟังแล้วเข้าใจแค่ไหนในสิ่งที่ได้ฟัง

~ ศึกษาธรรม เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ซึ่งเป็นธรรม ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็ฟังจนกว่าจะเข้าใจ

~ ขณะที่มีตา มีเห็น มีสิ่งที่ปรากฏ มีการรู้ ขณะนั้น เป็นอายตนะ ใช่ไหม?

~ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงของทุกอย่างที่กำลังมี เพื่อให้ถึงการประจักษ์แจ้งว่าไม่มีเรา เพราะฉะนั้น ต้องไม่ลืมว่า ไม่มีเรา จึงจะฟังธรรมด้วยการเข้าใจว่าเป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ไม่ใช่เรา

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของคุณสุคิน ผู้แปลการสนทนา
จากภาษาไทยเป็นภาษาฮินดี
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 30 ต.ค. 2564

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบยินดีในกุศลของคุณสุคินและผู้ร่วมสนทนาทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
natthayapinthong339
วันที่ 30 ต.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 30 ต.ค. 2564

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และยินดีในกุศลของคุณสุคิน ด้วยค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
มังกรทอง
วันที่ 31 ต.ค. 2564

มีเสียงปรากฏ ทุกคนบอกว่าไม่มีเรา แต่มีเสียง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงว่าต้องมีสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยิน จึงมีเสียงปรากฏ ถ้าไม่มีสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยินเสียง เสียงก็ปรากฏไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ยิน ไม่ใช่เรา แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยินเท่านั้น นี่คือคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะฉะนั้น ฟังทุกคำ เพื่อรู้ว่าพระองค์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เอง (ลึกซึ้งมาก..)

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
petsin.90
วันที่ 31 ต.ค. 2564

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 1 พ.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Lai
วันที่ 1 พ.ย. 2564

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์

บริหารวนเขตต์ อนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ