พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๕. อุทกูปมสูตร

 
บ้านธัมมะ
วันที่  31 ต.ค. 2564
หมายเลข  39485
อ่าน  694

[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 27

ปฐมปัณณาสก์

อนุสยวรรคที่ ๒

๕. อุทกูปมสูตร


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 37]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 27

๕. อุทกูปมสูตร

[๑๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลมีเปรียบด้วยน้ำ ๗ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๗ จำพวกเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ จมลงแล้วคราวเดียว ก็เป็นอันจมอยู่นั่นเอง ๑ บางคนโผล่ขึ้นมาแล้ว กลับจมลงไป ๑ บางคนโผล่พ้นแล้ว ทรงตัวอยู่ ๑ บางคนโผล่ขึ้นแล้ว เหลียวไปมา ๑ บางคนโผล่ขึ้นแล้ว เตรียมตัวจะข้าม ๑ บางคนโผล่ขึ้นแล้ว ได้ที่พึ่ง ๑ บางคนโผล่ขึ้นมาได้แล้ว เป็นพราหมณ์ข้ามถึงฝั่ง อยู่บนบก ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่จมลงแล้วคราวเดียว ก็เป็นอันจมอยู่นั่นเองอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยอกุศลธรรมฝ่ายดำโดยส่วนเดียว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่จมลงแล้วคราวเดียว ก็เป็นอันจมอยู่นั่นเอง อย่างนี้แล.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้กลับจมลงไป อย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ โผล่ขึ้นมาได้ คือ เขามีธรรม คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย แต่ศรัทธาของเขานั้นไม่คงที่ ไม่เจริญขึ้น เสื่อมไปฝ่ายเดียว หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาของเขานั้น ไม่คงที่ ไม่เจริญขึ้น เสื่อมไปฝ่ายเดียว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่โผล่ขึ้นมาแล้ว กลับจมลง อย่างนี้แล.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่โผล่ขึ้นมาแล้วทรงตัวอยู่อย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ โผล่ขึ้นมาได้ คือ เขามีธรรมเหล่านี้ คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย แต่

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 28

ศรัทธาของเขานั้น ไม่เสื่อมลง ไม่เจริญขึ้น คงที่อยู่ หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และปัญญาของเขานั้น ไม่เสื่อมลง ไม่เจริญขึ้น คงที่อยู่ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้ว ทรงตัวอยู่ อย่างนี้แล.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วเหลียวไปมา อย่างไร บุคคลบางตนในโลกนี้ โผล่ขึ้นมาได้ คือ เขามีธรรมเหล่านี้ คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป เขาเป็นพระโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้ว เหลียวไปมา อย่างนี้แล.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วเตรียมตัวจะข้าม อย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ โผล่ขึ้นมาได้ คือ เขามีธรรมเหล่านี้ คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป เพราะทำราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางลง เขาเป็นพระสกทาคามี มาสู่โลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้ว เตรียมตัวจะข้าม อย่างนี้แล.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่โผล่ขึ้นมาแล้วได้ที่พึ่ง อย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ โผล่ขึ้นมาได้ คือ เขามีธรรมเหล่านี้ คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญา ชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป เขาเป็นพระอนาคามี จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา บุคคลที่โผล่ขึ้นมาแล้ว ได้ที่พึ่ง อย่างนี้แล.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 29

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วเป็นพราหมณ์ ข้ามถึงฝั่งอยู่บนบก อย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ โผล่ขึ้นมาได้ คือ เขามีธรรมเหล่านี้ คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย เขากระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้ว เป็นพราหมณ์ ข้ามถึงฝั่งอยู่บนบก อย่างนี้แล้ว ก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลเปรียบด้วยน้ำ ๗ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.

จบ อุทกูปมสูตรที่ ๕

อรรถกถาอุทกูปมสูตรที่ ๕

อุทกูปมสูตรที่ ๕ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า อุทกูปมา ความว่า บุคคล ท่านเปรียบด้วยน้ำเพราะถือเอาอาการมีการดำลงเป็นต้น. สองบทว่า สกิํ นิมุคฺโค ได้แก่ ดำลงคราวเดียว บทว่า เอกนฺตกาฬเกหิ พระองค์ตรัสหมายถึง นิยตมิจฉาทิฏฐิ. บทว่า อุมฺมุชฺชติ แปลว่าผุดขึ้น. บทว่า สาธุ ความว่า งาม คือ ดี. บทว่า หายติเยว ความว่า ย่อมเสื่อมไปหมดทีเดียว เหมือนน้ำที่บุคคลรดลงในเครื่องกรองน้ำ ฉะนั้น. หลายบทว่า อุมฺมุชฺชิตฺว่า วิปสฺสติ วิโลเกติ ความว่า บุคคลที่โผล่ขึ้นได้แล้ว พิจารณาเหลียวแลดูทิศที่ควรจะไป. บทว่า ปตรติ ความว่า ชื่อว่าเป็นผู้บ่ายหน้าต่อทิศที่ควรไปข้ามไปอยู่. สองบทว่า ปติคาธปฺปตฺโต

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 30

โหติ บุคคลโผล่ขึ้นมาแล้ว เหลียวดูข้ามไป ชื่อว่าย่อมประสบที่พึ่ง คือ ย่อมยืนอยู่ในที่แห่งหนึ่ง ไม่หวนกลับมาอีก. บทว่า ติณฺโณ ปารคโต ถเล ติฏฺติ ความว่า บุคคลข้ามหวัง คือ กิเลสทั้งปวง ถึงฝั่งโน้นแล้ว ชื่อว่าย่อมเป็นผู้ยืนอยู่บนบก คือ พระนิพพาน. วัฏฏะและวิวัฏฏะ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรนี้.

จบ อรรถกถาอุทกูปมสูตรที่ ๕