ความทรงจำของเทวดา
เมื่อเป็นมนุษย์ได้ฟังพระธรรม มีความเห็นถูกตรงในหลักธรรม มีการให้ทาน รักษาศีลที่จุติจากโลกมนุษย์แล้วปฏิสนธิในเทวโลกแล้ว ความทรงจำของเทวดา นั้นยังจะจำได้หรือไม่ว่า เมื่อชาติที่แล้วเป็นมนุษย์ที่ชื่ออย่างนั้น มีวรรณะอย่างนั้น และยังคงมีความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนเหมือนดิมหรือไม่
การเกิดเป็นเทพบนสวรรค์ขั้นต่าง เกิดด้วยกำเนิดโอปปาติกะกำเนิด ขณะเกิดขึ้นโตเป็นหนุ่มสาวทันที ต่อเนื่องจากความเป็นมนุษย์ เหมือนหลับแล้วตื่นขึ้น ฉะนั้น ดังนั้นความทรงจำเรื่องราว ที่ตนเคยเป็นมาก่อนย่อมจำได้ และความเข้าใจธรรมะที่เคยสะสมไว้ในสมัยเมื่อเป็นมนุษย์ ย่อมได้รับการสะสมต่อเนื่อง เมื่อได้ฟังธรรมต่อที่บนสวรรค์ ความเข้าเดิมไม่ได้หายไปไหน สมดังข้อความใน โสตานุคตสูตรว่า
ขอเชิญคลิกอ่านที่นี่
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
จิตเป็นสภาพธัมมที่สะสม สะสมทั้งฝ่ายดีและไม่ดี ฝ่ายไม่ดีโกรธบ่อยก็ทำให้ สะสมเป็นคนมักโกรธ ส่วนฝ่ายดีเป็นคนที่ชอบให้ ให้บ่อย ก็สะสมเป็นอุปนิสัย ในการให้ทาน เรียกว่า ทานุปนิสัย เมื่อสะสมความเข้าใจพระธรรม ความเข้าใจ ธรรมไม่ได้หายไปไหน แต่สะสมสืบต่อในจิตแต่ละดวง เมื่อจุติจิต (ตาย) ปฎิสนธิจิต (เกิด) เกิดต่อทันที ความเข้าใจก็สะสมตามมาด้วย ไม่ได้หายไปไหน เพียงแตว่าจะมีเหตุปัจจัยให้ความเข้าใจ (ปัญญา) เพิ่มขึ้นหรือไม่ครับ เช่นเกิดใน นรก ก็ไม่มีเหตุปัจจัยที่จะทำให้ปัญญาเพิ่มขึ้น แต่ความเข้าใจหายไปไหม เมื่ออยู่ในนรก ก็ไม่ได้หายไปไหน สะสมสืบต่อในจิตที่เกิดดับแต่ละดวงครับฉันใด แม้เมื่อเป็นมนุษย์ ได้สะสมความเข้าใจพระธรรม ความเห็นถูก ก็สะสม สืบต่อในจิตแต่ละดวง ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตามเพียงแต่ว่าจะมีเหตุปัจจัยให้ ความเข้าใจเพิ่มขึ้นในภพใหม่หรือไม่ครับ
ขออนุโมทนา
ดังข้อความในพระไตรปิฎกครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เรื่อง ทรงแสดงธรรมแม้ไม่บรรลุในชาตินั้น แต่ก็สะสมความเข้าใจ สุดท้ายก็บรรลุในชาติต่อๆ ไป
[เล่มที่ 20] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 640
ข้อความบางตอนจาก...
จูฬสกุลุทายีปริพาชก
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสธรรมโดยแบบแผนเพียงเท่านี้ การบรรลุมรรคผลไม่ เกิดแม้ด้วยเทศนาครั้งเดียว แต่จักเป็นปัจจัยแก่ภิกษุนั้นในอนาคต เพราะเหตุ นั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงแสดงธรรม พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นความที่ ธรรมนั้นจะเป็นปัจจัยในอนาคตเมื่อยังมีพระชนม์อยู่ จึงไม่ทรงแต่งตั้งภิกษุแม้ รูปหนึ่งไว้ในเอตทัคคะในเมตตาวิหารี (มีธรรมเป็นเครื่องอยู่คือเมตตา) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นว่า ในอนาคตภิกษุนี้จักบวชในศาสนา ของเราแล้วจักเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุผู้เป็นเมตตาวิหารี
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์