ขอคำแนะนำครับ

 
aparidod
วันที่  2 พ.ย. 2564
หมายเลข  39552
อ่าน  460

รบกวนผู้รู้ทั้งหลายชี้แนะทางออกหน่อยครับ

สืบเนื่องจากผมศึกษาอภิธรรมจากหนังสือ จากการฟังคลิปของบ้านธัมมะ และนำความรู้นั้นมาพิจารณากับของจริงๆ ที่เจอในชีวิตประจำวัน จนบัดนี้เป็นเวลาประมาณ 5 ปี จนมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่ศึกษามาระดับนึง ซึ่งผลจากเหตุเหล่านั้นคือเริ่มจะเห็นความดับในสภาพธรรมะเนืองๆ กิเลสที่เคยปรากฏบ่อยๆ ในกิจวัตรประจำวัน ก็เกิดขึ้นน้อยลง ยกตัวอย่างการ ดูหนัง ฟังเพลง เห็นความสุข ความชอบใจ ไม่ชอบใจเกิดขึ้น ความติดข้องเกิดขึ้น สติเกิดรู้ขึ้นมา อกุศลเหล่านั้นก็คลาย เป็นต้น และเร็วนี้ๆ ก็เริ่มจะเข้าถึงตัวทิฏฐิ แต่ก็เป็นเพียงการรู้หลังจากที่ทิฏฐิดับไปแล้ว จึงได้เข้าใจสิ่งที่ทางอาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า เป็นเราที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส คิดนึก นั้น เป็นอย่างไร

พอเริ่มเห็นอย่างนี้ทำให้รู้ว่า บังคับอะไรไม่ได้เลย เมื่อตาเห็นรูปคือสี เป็นปัจจัยให้จิตคิดต่อโดยมีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย หมายความว่ายังคงมีเหตุปัจจัยที่จะทำให้ทิฏฐินั้นยังมีอยู่ เมื่อจิตเกิดขึ้นรวดเร็วเช่นนี้ รู้ได้ต่อเมื่อมันดับไปแล้ว พอเป็นแบบนี้มากเข้าจึงเห็นความเป็นตัวเป็นตน เกิดขึ้นทั้งวัน และรู้ก็หลังจากที่มันดับไปแล้วทุกครั้ง

จึงเกิดความท้อแท้ รำคาญใจ สงสัย เวลาทำอะไรก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่สาระ ทำไมเราต้องมาทำอะไรอย่างนี้ อยากไปให้พ้นๆ จากสภาพที่เป็นอยู่นี้ แม้ความคิดว่าจะฆ่าตัวตายก็มีเกิดบ้าง แต่ด้วยความที่เข้าใจว่า การสืบต่อของจิตนั้นมีอยู่ตลอด ตายก็เพียงสมมติมรณะ อีกทั้งถ้าไม่ได้ดับกิเลสเป็นสมุทเฉท ตายแล้วก็ต้องวนเวียนอยู่ดี แม้จะไปสวรรค์หรือนรกก็มีชีวิตไปวันๆ วนไปเวียนมา จึงไม่ได้ติดในความคิดที่จะกระทำเช่นนั้น
ตอนนี้ผมเหมือนวนไปวนมาในอ่างจริงๆ ครับ ขอผู้รู้ชี้แนะหน่อยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 3 พ.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความไม่รู้และกิเลสทั้งหลายสะสมมาเป็นอย่างมากและยาวนานในสังสารวัฏฏ์ การฟังเท่านี้ ยังไม่เพียงพอต่อการที่จะมีปัญญาจนสามารถละกิเลสใดๆ ได้เลย ความไม่รู้ ความเห็นผิด และกิเลสประการอื่นๆ เมื่อได้เหตุได้ปัจจัยก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เป็นปกติธรรมดาของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่อย่างแท้จริง แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ประการที่สำคัญ การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นเลย เมื่อความเข้าใจยังน้อย ก็ต้องฟังพระธรรม สะสมอบรมเจริญปัญญาต่อไป ไม่ขาดการฟังพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ชีวิตทุกขณะ มีค่า เมื่อมีความเข้าใจถูกเห็นถูกเกิดขึ้นเจริญขึ้น ขณะที่เข้าใจ ก็จะไม่ตกไปในฝ่ายของอกุศลทุกประการ ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
aparidod
วันที่ 3 พ.ย. 2564

สาธุ ขอบคุณอาจารย์ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 3 พ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
lokiya
วันที่ 4 พ.ย. 2564

ยังต้องฟังต่อไปเรื่อยๆ ครับ การที่ปัญญาเจริญขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเกิดละคลายในสิ่งที่ไม่เป็นสาระได้มากขึ้น แม้พระโสดาบันจนพระอรหันต์ท่านก็ไม่ขาดการฟังธรรม ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Witt
วันที่ 4 พ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
aparidod
วันที่ 4 พ.ย. 2564

ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ