พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๑. อิจฉาสูตร

 
บ้านธัมมะ
วันที่  2 พ.ย. 2564
หมายเลข  39618
อ่าน  357

[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 578

วรรคที่ไม่ได้สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์

จาลวรรคที่ ๒

๑. อิจฉาสูตร


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 37]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 578

จาลวรรคที่ ๒

๑. อิจฉาสูตร

[๑๕๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๘ จำพวกมีปรากฏ อยู่ในโลก ๘ จำพวกเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรม วินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อม เกิดความปรารถนาลาภ เธอย่อมหมั่นเพียร พยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเชื่อหมั่นเพียรพยายามเพื่อที่จะได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอ ย่อมเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไรทุบอกคร่ำครวญ ถึงความหลงใหล เพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้ปรารถนา ลาภ หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ แต่ไม่ได้ลาภ เศร้าโศก ร่ำไร และเคลื่อนจากสัทธรรม.

อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐาน ให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอย่อมหมั่น เพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอย่อมหัวเมาถึงความประมาทเพราะลาภนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ย่อม หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ได้ลาภแล้ว มัวเมา ประมาท และเคลื่อนจากสัทธรรม.

อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐาน ให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอไม่หมั่นเพียร

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 579

พยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอย่อมเศร้าโศก ลำบากร่ำไร ทุบอกคร่ำครวญ ถึงความหลงใหลเพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้ เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ไม่ได้ลาภ เศร้าโศก ร่ำไร และเคลื่อนจากสัทธรรม.

อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐาน ให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอไม่หมั่นเพียร พยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอย่อมมัวเมาถึงประมาทเพราะลาภนั้น ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียร พยายามเพื่อจะได้ลาภ ได้ลาภแล้ว มัวเมา ประมาท และเคลื่อนจาก สัทธรรม.

อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐาน ให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอหมั่นเพียร พยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอไม่เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอก คร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหลเพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ หมั่นเพียรพยายาม เพื่อจะได้ลาภ ไม่ได้ลาภแล้ว ไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร และไม่เคลื่อน จากสัทธรรม.

อนึ่ง ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชองสงัด ไม่เจริญกรรมฐาน ให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอหมั่นเพียร

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 580

พยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอไม่มัวเมา ไม่ถึงความประมาทเพราะได้ลาภนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ย่อม หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ได้ลาภแล้ว ก็ไม่มัวเมาประมาท และไม่เคลื่อนจากสัทธรรม.

อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐาน ให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอไม่หมั่นเพียร พยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอกคร่ำเพียร ไม่ถึงความหลงใหลเพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ นี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ ลาภ ไม่ได้ลาภแล้ว ไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร และไม่เคลื่อนจาก สัทธรรม.

อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐาน ให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาลาภ เธอไม่หมั่นเพียร พยายามเพื่อจะได้ลาภ เมื่อเธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อจะได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอไม่มัวเมา ไม่ถึงความประมาทเพราะได้ลาภนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่ หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ ได้ลาภแล้ว ไม่มัวเมาประมาท และไม่เคลื่อนจากสัทธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๘ จำพวก นี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.

จบ อิจฉาสูตรที่ ๑

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 581

จาลวรรคที่ ๒

อรรถกถาอิจฉาสูตรที่ ๑

วรรคที่ ๗ อิจฉาสูตรที่ ๑ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า ปวิวิตฺตสฺส ได้แก่ สงัดแล้วด้วยกายวิเวก. บทว่า นิรายตฺตวุตฺติโน ได้แก่ ผู้มีวิปัสสนากรรมไม่เป็นไปเนื่องกันใน อารมณ์ไหนๆ. บทว่า ลาภาย ได้แก่ เพื่อได้ปัจจัย ๔. บทว่า โสจิ จ ปริเทวิ จ แปลว่า ความเศร้าโศกและความรำพัน. บาลีว่า โสจิจฺจ ปริเทวิจฺจ ดังนี้ก็มี. บทว่า จุโต จ สทฺธมฺมา ได้แก่ เคลื่อน จากพระสัทธรรมคือวิปัสสนาในขณะนั้นนั่นเอง. ในพระสูตรนี้ตรัส ทั้งวัฏฏะและวิวัฏฏะ.

จบ อรรถกถาอิจฉาสูตรที่ ๑