พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๘. ทุติเวรสูตร ว่าด้วยองค์คุณของผู้สิ้นอบาย

 
บ้านธัมมะ
วันที่  3 พ.ย. 2564
หมายเลข  39697
อ่าน  329

[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 813

ปัณณาสก์

สัตตาวาสวรรคที่ ๓

๘. ทุติเวรสูตร

ว่าด้วยองค์คุณของผู้สิ้นอบาย


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 37]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 813

๘. ทุติเวรสูตร

ว่าด้วยองค์คุณของผู้สิ้นอบาย

[๒๓๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลในแล อริยสาวกสงบ ระงับภัยเวร ๕ ประการ และประกอบด้วยโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการ ในกาลนั้น อริยสาวกนั้นหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วย ตนเองได้ว่า เรามีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานสิ้นแล้ว มี เปรตวิสัยสิ้นแล้ว มีอบาย ทุคติ และวินิบาตสิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ที่จะตรัสรู้ ในเบื้องหน้า.

ก็อริยสาวกระงับภัยเวร ๕ ประการเป็นไฉน ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มักฆ่าสัตว์ ย่อมประสบภัยเวรแม้ในปัจจุบัน แม้ในสัมปรายภพ และย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัสทางใจ เพราะ ปาณาติบาติเป็นปัจจัย อริยสาวกผู้งดเว้นจากปาณาติบาต ย่อม ไม่ประสบภัยเวรแม้ในปัจจุบัน แม้ในสัมปรายภพ และไม่ได้เสวย ทุกข์โทมนัสทางใจ อริยสาวกผู้งดเว้นจากปาณาติบาต ย่อมสงบ ระงับภัยเวรด้วยประการอย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มัก ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ให้ ฯลฯ ผู้มักประพฤติในกาม ฯลฯ ผู้มักพูดเท็จ ฯลฯ ผู้มักดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้ง แห่งความประมาท ย่อมประสบภัยเวรแม้ในปัจจุบัน แม้ในสัมปรายภพ และย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัสทางใจ เพราะดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท อริยสาวกผู้งดเว้น

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 814

จากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ย่อมไม่ประสบภัยเวรแม้ในปัจจุบัน แม้ในสัมปรายภพ และย่อม ไม่ได้เสวยทุกข์โทมนัสทางใจ อริยสาวกผู้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ย่อมสงบระงับ ภัยเวรด้วยประการอย่างนี้ อริยสาวกย่อมสงบระงับภัยเวร ๕ ประการนี้.

อริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการ เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า แม้ เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้เบิกบาน แล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม ๑ เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่ หวั่นไหวในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส ดีแล้ว ฯลฯ อันวิญญูชนจะพึงรู้เฉพาะตน ๑ ประกอบด้วยความ เลื่อมใสไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ฯลฯ เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญ อื่นยิ่งไปกว่า ผู้เป็นประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าพอใจ ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ต่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญ อัน ตัณหาและทิฏฐิไม่ถูกต้อง เป็นไปเพื่อสมาธิ ๑ อริยสาวกสงบระงับ ด้วยโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลใดแล อริยสาวกสงบระงับ ภัยเวร ๕ ประการนี้ และประกอบด้วยโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการ นี้ ในกาลนั้น อริยสาวกนั้นหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเอง

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 815

ได้ว่า เราเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานสิ้นแล้ว มี เปรตวิสัยสิ้นแล้ว มีอบาย ทุคติ และวินิบาตสิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็น เบื้องหน้า.

จบ ทุติยเวรสูตรที่ ๘

อรรถกถาทุติยเวรสูตรที่ ๘

ทุติเวรสูตรที่ ๘ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่หมู่ภิกษุ

แต่ในสูตรนี้ท่านกล่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึงพระโสดาบัน เท่านั้น.

จบ อรรถกถาทุติยเวรสูตรที่ ๘