พระอรหันต์

 
Tawin
วันที่  11 มิ.ย. 2550
หมายเลข  3975
อ่าน  1,283

พระอรหันต์ เป็นพระนามเรียกในเฉพาะศาสนาพุทธหรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 11 มิ.ย. 2550

ในสมัยครั้งพุทธกาล คนในยุคนั้นเรียกนักบวชที่ตนนับถือว่า เป็นพระอรหันต์เหมือนกัน แต่คุณธรรมความเป็นพระอรหันต์ คือการดับกิเลสได้ทั้งหมด ไม่มีในศาสนาอื่น เพราะข้อปฏิบัติเพื่อให้ถึงพระอรหันต์ไม่มีในภายนอกศาสนานี้

ขอเชิญคลิกอ่านที่นี่

ลัทธิอื่นว่างจากสมณะผู้รู้

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
study
วันที่ 11 มิ.ย. 2550

[เล่มที่ 46] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ 529

พึงทราบวินิจฉัยในบทว่า อรหํ ดังนี้ พึงทราบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์เป็นอรหันต์ด้วยเหตุเหล่านี้ก่อนคือ เพราะเป็นผู้ไกลจากกิเลส เพราะเป็นผู้กำจัดข้าศึกคือกิเลส และหักซี่กำคือกิเลส เพราะเป็นผู้ควรแก่ปัจจัยเป็นต้นเพราะไม่มีความลับในการทำบาป. จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลสทั้งปวง เพราะกำจัดกิเลสพร้อมด้วยวาสนา ด้วยมรรคเพราะฉะนั้น จึงเป็นพระอรหันต์ เพราะเป็นผู้ไกล.

อนึ่ง พระองค์กำจัดข้าศึกคือกิเลสเสียได้ด้วยมรรค เพราะฉะนั้น จึงทรงพระนามว่า อรหํ เพราะทรงกำจัดข้าศึกเสียได้. อนึ่ง คุมคือ อวิชชา ภวตัณหา ซี่ล้อคืออภิสังขาร มีบุญเป็นต้นกงคือ ชราและมรณะ เสียบด้วยเพลาอันสำเร็จด้วยสมุทัยคือ อาสวะประกอบเข้าไปในรถคือ ภพ ๓ มีสงสารเป็นล้อแล่นไปในกาลอันไม่มีเบื้องต้น พระองค์ดำรงอยู่บนปฐพีคือ ศีล ด้วยพระบาทคือ ความเพียร ณ โพธิมณฑล ทรงถือขวานคือ ญาณอันกระทำให้สิ้นกรรม ด้วยพระหัตถ์คือ ศรัทธาแล้วทรงกำจัดซี่กำทั้งปวงเสียได้ เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงพระนามว่า อรหํ เพราะกำจัดซี่กำเสียได้

อนึ่ง เพราะพระองค์เป็นทักขิไณยบุคคลผู้เลิศ จึงสมควรรับปัจจัยมีจีวร เป็นต้น และเครื่องสักการะและความเคารพ เป็นต้น เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงพระนามว่า อรหํ เพราะเป็นผู้ควรแก่ปัจจัย เป็นต้น. อนึ่ง พระองค์ไม่ทรงทำความชั่วไม่ว่าในที่ไหนๆ เหมือนคนพาลสำคัญตนว่าเป็นบัณฑิต บางพวกในโลกย่อมทำบาปในที่ลับ เพราะเกรงจะไม่มีใครสรรเสริญ เพราะฉะนั้นพระองค์จึงทรงพระนามว่า อรหํ เพราะไม่มีความลับในการทำบาป.

อนึ่ง ในบทว่า อรหํ นี้ มีคาถาดังนี้ อารกตฺตา หตตฺตา จ กิเลสารีน โส มุนิ หตสงฺสารจกฺกาโร ปจฺจยาทีน จารโห น รโห กโรติ ปาปานิ อรหํ เตน ปวุจฺจติ พระมุนีนั้น เพราะเป็นผู้ไกลจาก กิเลสและเพราะเป็นผู้กำจัดข้าศึกคือ กิเลส เสียได้ เป็นผู้กำจัดซี่วงล้อคือ สังสารจักรเสียได้และเป็นผู้ควรแก่ปัจจัย เป็นต้น ไม่ทำบาป ในที่ลับ ด้วยเหตุนั้น บัณฑิตจึงขนานพระนามว่า อรหํ.

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 12 มิ.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เรื่อง พวกนอกศาสนาก็มีการเรียกพระอรหันต์ของเขาแต่เข้าใจผิด

[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 169

ข้อความบางตอนจาก เรื่องนายทารุสากฏิกะ [๒๑๘]

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภบุตรของนายทารุสากฏิกะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "สุปฺปพุทฺธ" เป็นต้น.

เด็กสองคนเล่นขลุบ

ความพิสดารว่า เด็กในพระนครราชคฤห์สองคน คือ "บุตรของบุคคลผู้เป็นสัมมาทิฏฐิคนหนึ่ง บุตรของบุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิคนหนึ่ง" เล่นขลุบอยู่ด้วยกันเนืองๆ . ในเด็กสองคนนั้น บุตรของบุคคลผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อจะทอดขลุบ. ระลึกถึงพุทธานุสสติแล้วกล่าวว่า "นโมพุทฺธสฺส" แล้วจึงทอดขลุบ. เด็กนอกนี้ระลึกเฉพาะพระคุณทั้งหลายของพวกเดียรถีย์แล้ว กล่าวว่า "นโม อรหนฺตานิ" แล้วจึงทอด. ในเด็กสองคนนั้น บุตรของบุคคลผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ ย่อมชนะ, เด็กคนนอกนี้ ย่อมแพ้. บุตรของบุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐินั้น เห็นกิริยาของบุตรผู้เป็นสัมมาทิฏฐินั้นแล้ว คิดว่า "เพื่อนคนนี้ ระลึกแล้วอย่างนั้น กล่าวแล้วอย่างนั้น ทอดขลุบไปจึงชนะเรา, แม้เราก็จักทำอย่างนั้น (บ้าง) " ได้ทำการสั่งสมในพุทธานุสสติแล้ว.

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
อิสระ
วันที่ 12 มิ.ย. 2550
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 9 ก.พ. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ