๔. อุปสัมปทาสูตร ว่าด้วยภิกษุประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการ พึงให้กุลบุตรอุปสมบท
[เล่มที่ 38] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้า 133
ปฐมปัณณาสก์
อุปาลิวรรคที่ ๔
๔. อุปสัมปทาสูตร
ว่าด้วยภิกษุประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการ พึงให้กุลบุตรอุปสมบท
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 38]
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้า 133
๔. อุปสัมปทาสูตร
ว่าด้วยภิกษุประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการ พึงให้กุลบุตรอุปสมบท
[๓๓] อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรมเท่าไรหนอแล พึงให้กุลบุตรอุปสมบท.
พ. ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการแล พึงให้กุลบุตรอุปสมบท ๑๐ ประการเป็นไฉน คือภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมในปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปกติเห็นภัยในโทษอันมีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ๑ เป็นพหูสูต ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้สดับมาก ทรงไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิซึ่งธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ๑ ปาติโมกข์เป็นอุเทศอันภิกษุนั้นจำดีแล้ว จำแนกดีแล้ว ให้เป็นไปดีแล้ว โดยพิสดาร วินิจฉัยดีแล้วโดยสูตรโดยอนุพยัญชนะ ๑ ภิกษุนั้นเป็นผู้สามารถเพื่ออุปัฏฐากเองหรือเพื่อให้ผู้อื่นอุปัฏฐากซึ่งสัทธิวิหาริกผู้เป็นไข้ ๑ เป็นผู้สามารถเพื่อระงับเอง หรือให้ผู้อื่นระงับความไม่ยินดียิ่ง (ของสัทธิวิหาริก) ๑ เป็นผู้สามารถเพื่อบรรเทาความรำคาญอันเกิดขึ้นแล้วได้โดยธรรม ๑ เป็นผู้สามารถเปลื้องความเห็นผิดอันเกิดขึ้นแล้วโดยธรรม ๑ เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิศีล ๑ เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิจิต ๑ เป็นผู้สามารถเพื่อให้สมาทานในอธิปัญญา ๑ ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วย ธรรม ๑๐ ประการนี้แล พึงให้กุลบุตรอุปสมบท.
จนอุปสัมปทาสูตรที่ ๔
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้า 134
อรรถกถาอุปสัมปทาสูตรที่ ๔
อุปสัมปทาสูตรที่ ๔ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า อนภิรติํ ได้แก่ ความเป็นผู้กระสัน. บทว่า วูปกาเสตุํ ได้แก่ กำจัด. บทว่า อธิสีเล ได้แก่ ศีลสูงสุด. แม้ในจิตและปัญญาก็นัยนี้เหมือนกัน.
จบอรรถกถาอุปสัมปทาสูตรที่ ๔