ปริเยสนาสูตร - เอสนาสูตร - ๑๖ มิ.ย. ๒๕๕o
สนทนาธรรมที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๑๖ มิ.ย. ๒๕๕๐
เวลา ๐๙:๐๐ - ๑๒:๐๐ น.
ปริเยสนาสูตร
ว่าด้วยการแสวงหา
จาก [เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ หน้าที่ 618
ปฐมเอสนาสูตร
ว่าด้วยการแสวงหา ๓
จาก [เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 161
นำการสนทนาโดย..
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ หน้าที่ 618
๒. ปริเยสนาสูตร
ว่าด้วยการแสวงหา
[๒๕๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนริยปริเยสนา การแสวงหาอันไม่ประเสริฐ ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ ตนเองเป็นผู้มีชราเป็นธรรมดา ย่อมแสวงหาสิ่งที่มีชราเป็นธรรมดานั่นเอง ๑ ตนเองเป็นผู้มีพยาธิเป็นธรรมดา ย่อมแสวงหาสิ่งที่มีพยาธิเป็นธรรมดานั่นเอง ๑ ตนเองเป็นผู้มีมรณะเป็นธรรมดา ย่อมแสวงหาสิ่งที่มีมรณะเป็นธรรมดานั่นเอง ๑ ตนเองเป็นผู้มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดา ย่อมแสวงหาสิ่งที่มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดานั่นเอง ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนริยปริเยสนา ๔ ประการนี้แล
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยปริเยสนา การแสวงหาอย่างประเสริฐ ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ ตนเองเป็นผู้มีชราเป็นธรรมดา รู้โทษในสิ่งที่มีชราเป็นธรรมดาแล้ว ย่อมแสวงหานิพพานอันไม่มีชรา เป็นแดนเกษมจากโยคะอย่างเยี่ยม ๑ ตนเองเป็นผู้มีพยาธิเป็นธรรมดา รู้โทษในสิ่งที่มีพยาธิเป็นธรรมดาแล้ว ย่อมแสวงหานิพพานอันไม่มีพยาธิ เป็นแดนเกษมจากโยคะอย่างเยี่ยม ๑ ตนเองเป็นผู้มีมรณะเป็นธรรมดารู้โทษในสิ่งที่มีมรณะเป็นธรรมดาแล้ว ย่อมแสวงหานิพพานอันไม่ตาย เป็นแดนเกษมจากโยคะอย่างเยี่ยม ๑ ตนเองเป็นผู้มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดารู้โทษในสิ่งที่มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดาแล้ว ย่อมแสวงหานิพพานอันไม่เศร้าหมอง เป็นแดนเกษมจากโยคะอย่างเยี่ยม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยปริเยสนา ๔ ประการนี้แล
จบปริเยสนาสูตรที่ ๒
อรรถกถาปริเยสนาสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในปริเยสนาสูตรที่ ๒ ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อนริยปริเยสนา ได้แก่ การแสวงหา คือ เสาะหา ของผู้ไม่ใช่อริยะ
บทว่า ชราธมฺมํ ได้แก่ สิ่งที่มีความแก่เป็นสภาพ. แม้ในบทที่เหลือก็นัยนี้เหมือนกัน
จบ อรรถกถาปริเยสนาสูตรที่ ๒
[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 161
เอสนาวรรคที่ ๑๒
๑. ปฐมเอสนาสูตร
การแสวงหา ๓
[๒๙๘] สาวัตถีนิทาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การแสวงหา ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ การแสวงหากาม ๑ การแสวงหาภพ ๑ การแสวงหาพรหมจรรย์ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การแสวงหา ๓ อย่างนี้แล
[๒๙๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อความรู้ยิ่งซึ่งการแสวงหา ๓ อย่างนี้แล อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอัน ประกอบ ด้วยองค์ ๘ นี้ เพื่อรู้ยิ่งซึ่งการแสวงหา ๓ อย่างนี้แล
จบ ปฐมเอสนาสูตรที่ ๑
อรรถกถาปฐมเอสนาสูตร
บทว่า กาเมสนา ได้แก่ การแสวงหา ค้นหา เที่ยวหา ปรารถนากามทั้งหลาย
บทว่า ภเวสนา ได้แก่ การแสวงหาภพทั้งหลาย
บทว่า พฺรหฺมจริเยสนา ได้แก่ การแสวงหาพรหมจรรย์กล่าวคือมิจฉาทิฏฐิ
จบ อรรถกถาปฐมเอสนาสูตรที่ ๑
[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ หน้าที่ 484
สูตรที่ ๔
[๓๙๙] ๑๕๓ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริเยสนา ๒ อย่างนี้๒ อย่างเป็นไฉน คือ อามิสปริเยสนา การแสวงหาอามิส ๑ ธรรมปริเยสนาการแสวงหาธรรม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริเยสนา ๒ อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาปริเยสนา ๒ อย่างนี้ ธรรมปริเยสนาเป็นเลิศ
จบ สูตรที่ ๔
อรรถกถาสูตรที่ ๔
ในสูตรที่ ๔ การหาอามิสมีประการดังกล่าวแล้วชื่อว่า อามิสปริเยสนา การหาธรรม ชื่อว่า ธรรมปริเยสนา
จบ อรรถกถาสูตรที่ ๔
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เรื่อง อธิบายสิ่งที่การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เศร้าโศก คืออะไร
[เล่มที่ 18] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 412
ข้อความบางตอนจาก
ปาสราสิสูตร
เธอบอกได้ไหมว่าอะไรคือสิ่งมีชาติเป็นธรรมดา บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่า สิ่งนี้ ชาติเป็นธรรมดา.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายสิ่งมีชาติเป็นธรรมดาเหล่านั้นเป็นอุปธิ ผู้ที่ติดพัน ลุ่มหลง เกี่ยวข้องในสิ่งมีชาติเป็นธรรมดาเหล่านั้น ชื่อว่า ตนเองเป็นผู้มีชาติเป็นธรรมดา ยังแสวงหาสิ่งมีชาติเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
เธอบอกได้ไหมว่าอะไรคือ สิ่งมีชราเป็นธรรมดา บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่า สิ่งมีชราเป็นธรรมดา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งมีชราเป็นธรรมดาเหล่านั้นเป็นอุปธิ ผู้ที่ติดพัน ลุ่มหลง เกี่ยวข้อง ในสิ่งมีชราเป็นธรรมดาเหล่านั้น ชื่อว่า ตนเองเป็นผู้มีชราเป็นธรรมดา ยังแสวงหาสิ่งนี้ชราเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
เธอบอกได้ไหมว่า อะไรเล่า คือ สิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดา บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้างโค ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่า สิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดาเหล่านั้นเป็นอุปธิ ผู้ที่ติดพันลุ่มหลงเกี่ยวข้องในสิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดาเหล่านั้น ชื่อว่าตนเองเป็นผู้มีพยาธิเป็นธรรมดา ยังแสวงหาสิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
เธอบอกได้ไหมว่า อะไรเล่าคือสิ่งมีมรณะเป็นธรรมดา. บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่า สิ่งมีมรณะเป็นธรรมดา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งมีมรณะเป็นธรรมดาเหล่านั้น เป็นอุปธิ ผู้ที่ติดพัน ลุ่มหลง เกี่ยวข้อง ในสิ่งมีนรกเป็นธรรมดาเหล่านั้น ชื่อว่าตนเองเป็นผู้มีมรณะ เป็นธรรมดา ยังแสวงหาสิ่งมีมรณะเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
เธอบอกได้ไหม ว่าอะไรคือสิ่งมีความโศกเป็นธรรมดา. บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่าสิ่งมีความโศกเป็นธรรมดา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งมีความโศกเป็นธรรมดาเหล่านั้นเป็นอุปธิ ผู้ที่ติดพัน ลุ่มหลงเกี่ยวข้อง ในสิ่งมีความโศกเป็นธรรมดาเหล่านั้น ชื่อว่าตนเองเป็นผู้มีความโศกเป็นธรรมดา ยังแสวงหาสิ่งมีความโศกเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
เธอบอกได้ไหมว่าอะไรคือ สิ่งมีชราเป็นธรรมดา บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่า สิ่งมีชราเป็นธรรมดา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งมีชราเป็นธรรมดาเหล่านั้นเป็นอุปธิ ผู้ที่ติดพัน ลุ่มหลง เกี่ยวข้อง ในสิ่งมีชราเป็นธรรมดาเหล่านั้น ชื่อว่า ตนเองเป็นผู้มีชราเป็นธรรมดา ยังแสวงหาสิ่งนี้ชราเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
เธอบอกได้ไหมว่า อะไรเล่า คือ สิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดา บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้างโค ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่า สิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดาเหล่านั้นเป็นอุปธิ ผู้ที่ติดพันลุ่มหลงเกี่ยวข้องในสิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดาเหล่านั้น ชื่อว่าตนเองเป็นผู้มีพยาธิเป็นธรรมดายังแสวงหาสิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
เธอบอกได้ไหมว่า อะไรเล่าคือสิ่งมีมรณะเป็นธรรมดา. บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่า สิ่งมีมรณะเป็นธรรมดา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งมีมรณะเป็นธรรมดาเหล่านั้น เป็นอุปธิ ผู้ที่ติดพัน ลุ่มหลง เกี่ยวข้อง ในสิ่งมีนรกเป็นธรรมดาเหล่านั้น ชื่อว่าตนเองเป็นผู้มีมรณะ เป็นธรรมดา ยังแสวงหาสิ่งมีมรณะเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ