พยายามลดกิเลส

 
สุทัศน์
วันที่  15 มิ.ย. 2550
หมายเลข  4002
อ่าน  1,290

ทุกวันนี้หลังจากได้ศึกษาธรรมะจากเว็บบ้านธัมมะ ก็พยายามทำความเข้าใจและปฎิบัติ แต่มีปัญหาพอเจอสภาพจริงของชีวิตที่ต้องมีปัญหาต่างๆ กิเลส โลภโกรธ หลงยังประดังเข้ามาตลอด จะทำอย่างไรดีครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 15 มิ.ย. 2550

เป็นธรรมดาของปุถุชนผู้ที่หนาไปด้วยกิเลส เพราะยังไม่ได้อบรมเจริญอริยมรรคให้บริบูรณ์ กิเลสจึงยังคงดับไม่ได้ กิเลสทั้งหลายต้องดับด้วยปัญญาขั้นโลกุตร มรรค ไม่ใช่ตัวเราไปพยายามดับ ตัวเราพยายามดับกิเลสไม่ได้ ผู้ที่อบรมเจริญปัญญาทีละเล็กทีละน้อย สะสมไปเรื่อยๆ เพราะมีการสะสมบ่อยขึ้น สะสมมากขึ้น ปัญญาจึงมีกำลัง ทำลายกิเลสที่สะสมมานานได้ ฉะนั้น ควรทราบว่าเพียงความรู้ขั้นศึกษายังทำอะไรกับกิเลสไม่ได้ เพียงแต่เริ่มรู้จักว่ามีกิเลสมากก็ยังดี เมื่อเห็นโทษของกิเลสและ ความไม่รู้ จึงควรศึกษาอบรมเจริญปัญญาต่อไป เพื่อการรู้แจ้งอริยสัจตามความเป็นจริงในอนาคต

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 15 มิ.ย. 2550

การศึกษาธรรมะ ขั้นต้นเริ่มมีความเห็นถูก เข้าใจถูก และรู้ว่าธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา ถึงแม้ว่า เราจะรู้ว่าโกรธไม่ดี แต่เราก็ยังโกรธ เพราะมีเหตุปัจจัย เรายังไม่ได้ดับกิเลส อกุศลเกิดรู้ว่าเป็นอกุศลก็ยังดีกว่าอกุศลเกิดไม่รู้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 15 มิ.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ต้องรู้ว่า การจะดับกิเลส ต้องเป็นพระโสดาบันก่อน พระโสดาบัน ดับความเห็นผิดว่าไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน แต่ยังมีความโกรธ มีโลภะ ดังนั้น การศึกษาจึงต้องเป็นไปตามลำดับ คือต้องดับความเห็นผิด ว่าเป็นสัตว์บุคคลตัวตนด้วยการอบรมสติปัฏฐานถึงแม้กุศลจะเกิดกับเราบ่อย เพราะศึกษาธรรม ฟังธรรมมากขึ้น แต่ก็ยังยึดว่าเป็นเราที่มีกุศลหรือเป็นเราที่มีอกุศล ก็ยังมีความเป็นตัวตน ดังนั้น การอบรมปัญญาเพื่อดับกิเลส มิใช่ให้กุศลเกิดบ่อย แต่เข้าใจความจริงในสภาพธัมมะที่เกิด แม้อกุศลว่าไม่ใช่เราครับ ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้สภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ถึงแม้ปัญญาจะยังไปไม่ถึงจุดนั้น คือรู้ว่าไม่ใช่เราเป็นธรรม แต่เราก็มีความเข้าใจถูกขั้นการฟังตั้งแต่ต้น ว่าทุกอย่างเป็นธรรม และต้องดับความยึดถือว่าเป็นเราก่อน ไม่ใช่ไปดับความโกรธเพราะไม่ใช่วิสัย ต้องเป็นพระอนาคามีครับ ลองพิจารณาก็ได้ครับ ที่เราเดือดร้อนกับอกุศลที่เกิดเพราะอะไร เพราะเรารู้ว่าอกุศลไม่ดี แต่ถ้าเรามีความมั่นคงว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ยังมีเหตุให้เกิดก็เกิด ทั้งกุศลและอกุศล และที่เราเดือดร้อนเพราะเราไม่รู้ว่าเป็นธรรมนี่แหละครับ คือประการสำคัญ ดังนั้น ถ้าอกุศลไม่เกิดแล้ว เราจะรู้จักตัวจริงของเราได้อย่างไรว่า เป็นเพียงสภาพธัมมะอย่างหนึ่งเท่านั้นครับ ทุกคนที่ยังมีกิเลส ไม่ใช่พระอนาคามี หรือพระอรหันต์ ก็ทุกข์ใจอันเนื่องมาจากกิเลสเหมือนกันทั้งนั้น เพียงแต่ว่าปัญญาใครจะรู้ว่า เป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา อันเริ่มมาจากการฟังจนเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธัมมะ

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 15 มิ.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เรื่อง แม้พระโสดาบันก็เป็นทุกข์ เสียใจ มีโทสะเกิด แต่ท่านไม่ยึดถือว่าเป็นเรา รู้ว่าเป็นธรรม

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 205

ข้อความบางตอนจากเรื่อง นางสุมนาเทวี

ท่านเศรษฐีผู้บิดาร้องให้ไปทูลพระศาสดา

ท่านเศรษฐี (อนาถบิณฑิกเศรษฐี) นั้น แม้เป็นพระโสดาบัน ก็ไม่สามารถจะกลั้นความโศกอันเกิดในธิดาได้ ให้ทำการปลงศพของธิดาเสร็จแล้ว ร้องไห้ไปสู่สำนักพระศาสดา, เมื่อพระองค์ ตรัสว่า "คฤหบดี ทำไม? ท่านจึงมีทุกข์ เสียใจ มีหน้าอาบไปด้วยน้ำตา ร้องไห้ มาแล้ว " จึงกราบทูลว่า " นางสุมนาเทวี ธิดาของข้าพระองค์ ทำกาละเสียแล้วพระเจ้าข้า."

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 6 ก.พ. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ