อุจเฉททิฏฐิกับนิพพาน
ขอเรียนถามท่านอาจารย์ ดังนี้ครับ
ความเห็นผิดว่าตายแล้วสูญ แต่เมื่อยังมีกิเลสอยู่ ตายแล้วก็ยังต้องเกิดอีก
นิพพาน เป็นภาวะหมดสิ้นกิเลสแล้ว เมื่อตาย ก็ไม่เกิดอีกเหมือนควันที่ลอยไป จะกล่าวว่า "สูญ" ได้ไหมครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อุจเฉททิฏฐิ เป็นความเห็นผิดว่า ขาดสูญ เห็นผิดว่า ตายแล้วไม่เกิดอีก
นิพพาน เป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ผู้ที่จะประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ก็คือ พระอริยบุคคลทุกระดับขั้น
สำหรับในประเด็นคำถาม คงมุ่งหมายถึง การปรินิพพานของพระอรหันต์ พระอรหันต์ เมื่อปรินิพพาน (ตาย) แล้ว ไม่เกิดอีก
ประเด็นที่น่าพิจารณา คือ เมื่อพระอรหันต์ ตายแล้ว ไม่เกิดอีก จะกล่าวว่า สูญ ได้หรือไม่? สำคัญที่ว่า เห็นผิด หรือ เห็นถูก
ที่เป็นความเห็นผิด เช่น กรณีของภิกษุรูปหนึ่ง คือ ยมกภิกษุ ท่านมีความเห็นว่า พระอรหันต์ (พระขีณาสพ) ตายแล้วไม่เกิด คือ ดับสูญ ซึ่งเป็นความเห็นผิด ในเรื่องนี้ ท่านพระสารีบุตร ได้แก้ความเห็นผิดของยมกภิกษุ ในอรรถกถา สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ยมกสูตร ได้อธิบาย ว่า ยมกภิกษุ มีความเห็นผิด เพราะสำคัญว่า มีพระอรหันต์ที่เป็นสัตว์ เป็นบุคคลจริงๆ ดังนั้น ยมกภิกษุ จึงสำคัญว่า เป็นสัตว์ บุคคลที่ไม่เกิดอีก เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ที่สูญ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิกและรูปประชุมกัน จึงบัญญัติหมายรู้ว่าเป็นสัตว์ บุคคล ดังนั้น สิ่งที่มีจริงๆ คือ จิต เจตสิกและรูป ดังนั้น เมื่อดับเหตุ คือ ดับกิเลสได้ทั้งหมดแล้ว เมื่อปรินิพพานแล้ว สิ่งที่ไม่เกิดอีก จึงไม่ใช่สัตว์ บุคคล ที่ไม่เกิด แต่เป็นสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิกและรูปที่ไม่เกิดอีก นี่คือ ความเห็นถูก ดังนั้น ถ้าสำคัญว่า พระอรหันต์ เมื่อตายไปแล้ว ไม่เกิดอีก โดยสำคัญว่า มีพระอรหันต์ที่เป็นสัตว์ เป็นบุคคลจริงๆ ที่ไม่เกิดอีก โดยไม่รู้ว่า เป็นธรรม นั่น เป็นความเห็นผิด
แต่ถ้ากล่าว ว่า พระอรหันต์ ปรินิพพาน (ตาย) แล้ว ไม่เกิดอีก คือ สูญ ซึ่งเป็นการกล่าวโดยสมมติ แต่มีความเข้าใจตามความเป็นจริง ว่า ความจริง คือ จิต เจตสิก และรูป ที่ไม่เกิดอีก เพราะไม่มีเหตุปัจจัยให้สภาพธรรมเหล่านั้นเกิดแล้ว อย่างนี้ จึงจะเป็นความเห็นที่ถูกต้อง ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...