ปุณณกปัญหาที่ ๓ ว่าด้วยเครื่องบูชายัญ
[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้า 900
สุตตนิบาต
ปารายนวรรคที่ ๕
ปุณณกปัญหาที่ ๓
ว่าด้วยเครื่องบูชายัญ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 47]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้า 900
ปุณณกปัญหาที่ ๓
ว่าด้วยเครื่องบูชายัญ
[๔๒๗] ปุณณกมาณพทูลถามปัญหาว่า
ข้าพระองค์มีความต้องการปัญหา จึงมาเฝ้าพระองค์ผู้ไม่มีความหวั่นไหว ผู้ทรงเห็นรากเหง้ากุศลและอกุศล สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์ในโลกนี้ คือ ฤาษี กษัตริย์ พราหมณ์ เป็นอันมาก อาศัยอะไร จึงบูชายัญแก่เทวดาทั้งหลาย ข้าแต่พระผู้มีภาคเจ้า ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ ขอพระองค์ จงตรัสบอกความข้อนั้นแก่ข้าพระองค์เถิด.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์ว่า ดูก่อนปุณณกะ
สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์เหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นอันมากในโลกนี้ คือ ฤาษี กษัตริย์ พราหมณ์ ปรารถนาความเป็นมนุษย์เป็นต้น อาศัยของมีชรา จึงบูชายัญ แก่เทวดาทั้งหลาย.
ป. สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็นอันมากในโลกนี้ คือ ฤาษี กษัตริย์ พราหมณ์ บูชายัญแก่เทวดา
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้า 901
ทั้งหลาย ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้นิรทุกข์ สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดเป็นมนุษย์เหล่านั้น เป็นคนไม่ประมาทในยัญ ข้ามพ้นชาติและชราได้บ้างแลหรือ ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ ขอพระองค์ จงตรัสบอกความข้อนั้นแก่ข้าพระองค์เถิด.
พ. ดูก่อนปุณณกะ สัตว์ทั้งหลาย ผู้เกิดเป็นมนุษย์เหล่านั้น ย่อมมุ่งหวัง ย่อมชมเชย ย่อมปรารถนา ย่อมบูชา ย่อมรำพันถึงกาม เพราะอาศัยลาภ เรากล่าวว่า สัตว์ เหล่านั้นประกอบการบูชา ยังเป็นคนกำหนัด ยินดีในภพ ไม่ข้ามพ้นชาติและชราไปได้.
ป. ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ถ้าหากว่าสัตว์เหล่านั้นผู้ประกอบการบูชา ไม่ข้ามพ้นชาติและชราไปได้ด้วยยัญวิธีทั้งหลายไซร้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครเล่าในเทวโลกและมนุษย์โลก ข้ามพ้นชาติและชราไปได้ในบัดนี้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ ขอพระองค์จงตรัสบอกความข้อนั้นแก่ข้าพระองค์เถิด.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้า 902
พ. ดูก่อนปุณณกะ ผู้ใดไม่มีความหวั่นไหว (ดิ้นรน) ในโลกไหนๆ เพราะได้พิจารณาเห็นธรรมที่ยิ่งและหย่อนในโลก ผู้นั้นสงบแล้ว ไม่มีความประพฤติชั่วอันจะ ทำให้มัวหมองดุจควันไฟ ไม่มีกิเลสอันกระทบจิต หาความหวังมิได้ เรากล่าวว่า ผู้นั้นข้ามพ้นชาติและชราไปได้แล้ว.
จบปุณณกมาณวกปัญหาที่ ๓
อรรถกถาปุณณกสูตร๑ที่ ๓
ปุณณกสูตร มีคำเริ่มต้นว่า อเนชํ ดังนี้ แม้พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงตรัสห้ามโมฆราชโดยนัยที่กล่าวแล้วนั่นแล.
ในบทเหล่านั้น บทว่า มูลทสฺสาวึ คือผู้เห็นรากเหง้ามีอกุศลมูล เป็นต้น. บทว่า อิสโย ได้แก่ชฎิล มีชื่อว่า ฤาษี. บทว่า ยญฺํ ได้แก่ ไทยธรรม. บทว่า อกปฺปยึสุ คือแสวงหา.
บทว่า อาสึสมานา คือปรารถนารูปเป็นต้น. บทว่า อิตฺถตฺตํ คือปรารถนาความเป็นมนุษย์เป็นต้น. บทว่า ชรํ สิตา คืออาศัยชรา. ในบทนี้ท่านกล่าวถึงทุกข์ในวัฏฏะทั้งหมดด้วยหัวข้อคือชรา. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มี-
๑. บาลีเป็น ปุณณกปัญหา.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้า 903
พระภาคเจ้าจึงทรงแสดงว่า สัตว์ทั้งหลายอาศัยทุกข์ในวัฏฏะเมื่อไม่พ้นไปจากทุกข์นั้นจึงปรารถนาอย่างนี้.
ยัญนั่นแล ชื่อว่า ยัญญปถะ ในบทนี้ว่า กจฺจิสฺสุ เต ภควา ยญฺปเถ อปฺปมตฺตา อตารุ ชาติญฺจ ชรญฺจ มาริส ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้นิรทุกข์ สัตว์ทั้งหลายเป็นคนไม่ประมาทในยัญ ข้ามพ้นชาติและชราได้บ้างหรือ. ท่านอธิบายไว้ว่า สัตว์เหล่านั้นเป็นผู้ไม่ประมาทในยัญ ปรารภยัญ ข้ามพ้นทุกข์ในวัฏฏะได้บ้างหรือ.
บทว่า อาสึสนฺติ คือสัตว์ทั้งหลายปรารถนาการได้รูปเป็นต้น. บทว่า โถมยนฺติ คือ สรรเสริญยัญเป็นต้น โดยนัยมีอาทิว่า สุจึ ทินฺนํ เราให้ของที่สะอาดแล้ว. บทว่า อภิชปฺปนฺติ ย่อมปรารถนา คือ ย่อมเปล่งวาจาเพื่อได้รูปเป็นต้น. บทว่า ชุหนฺติ ย่อมบูชา คือย่อมให้. บทว่า กามาภิชปฺปนฺติ ปฏิจฺจ ลาภํ ย่อมรำพันถึงกามก็เพราะอาศัยลาภ คือสัตว์ทั้งหลายย่อมรำพันถึงกามบ่อยๆ เพราะอาศัยการได้ลาภมีรูปเป็นต้น คือย่อมกล่าวว่า ทำอย่างไรดีหนอ กามทั้งหลายจะพึงมีแก่เราบ้าง. ท่านอธิบายว่า กามทั้งหลายอาศัยตัณหาย่อมเจริญ. บทว่า ยาจโยคา ผู้ประกอบการบูชา คือน้อมไปในการบูชา. บทว่า ภวราครตฺตา กำหนัดยินดีในภพ ความว่า สัตว์ทั้งหลายกำหนัดด้วยความยินดีในภพ ด้วยความปรารถนาเป็นต้นเหล่านี้อย่างนี้. หรือเป็นผู้กำหนัดด้วยความยินดีในภพ กระทำความปรารถนาเป็นต้นเหล่านี้ ชื่อว่า ไม่ข้ามพ้น คือไม่ข้ามพ้นทุกข์ในวัฏฏะมีชาติเป็นต้นไปได้.
บทว่า สงฺขาย คือพิจารณาแล้วด้วยญาณ. บทว่า ปโรวรานิ ยิ่งและหย่อน อธิบายว่า ยิ่งและหย่อน มีความเป็นของตนของผู้อื่นและความเป็น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้า 904
ตนของตนเองเป็นต้น. บทว่า วิธูโม ปราศจากควัน คือเว้นควันมีกายทุจริตเป็นต้น. บทว่า อนิโฆ ไม่มีกิเลสอันกระทบจิต คือเว้นจากกิเลส อันกระทบจิต คือราคะเป็นต้น. บทว่า อตาริ โส ผู้นั้นข้ามไปได้ คือผู้เห็นปานนั้นเป็นผู้ไกลจากกิเลส ข้ามชาติและชราไปได้. บทที่เหลือในบทนี้ชัดดีแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงจบสูตรนี้ ด้วยธรรมเป็นยอดคือพระอรหัต ด้วยประการฉะนี้.
เมื่อจบเทศนา แม้พราหมณ์นี้ก็ได้ตั้งอยู่ในพระอรหัต พร้อมด้วยอันเตวาสิก ๑,๐๐๐. ชนอื่นอีกหลายพัน ก็เกิดดวงตาเห็นเห็น. บทที่เหลือ เช่นกับที่กล่าวแล้วนั้นแล.
จบอรรถกถาปุณณกสูตรที่ ๓ แห่งอรรถกถาขุททกนิกาย
ชื่อปรมัตถโชติกา