๓. ปัลลังกวิมาน ว่าด้วยปัลลังกวิมาน
[เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 230
๑. อิตถิวิมานวัตถุ
ปาริฉัตตกวรรคที่ ๓
๓. ปัลลังกวิมาน
ว่าด้วยปัลลังกวิมาน
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 48]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 230
๓. ปัลลังกวิมาน
ว่าด้วยปัลลังกวิมาน
[๓๑] พระมหาโมคคัลลานเถระ ถามนางเทพธิดานั้นด้วยคาถา ความว่า
ดูก่อนนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก ท่านอยู่บนที่นอนใหญ่เป็นบัลลังก์อันประเสริฐ อันบุญกรรมตกแต่งให้วิจิตรด้วยแก้วมณีและทองคำ โรยดอกไม้ไว้เกลื่อนกล่น อนึ่ง รอบๆ ตัวท่าน เหล่านางเทพอัปสรมีร่างสมทรง แผลงฤทธิ์ได้ต่างๆ ฟ้อนรำ ขับร้อง ให้ท่านร่าเริงบันเทิงใจอยู่เป็นนิจ ท่านเป็นนางเทพธิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์อานุภาพมาก ครั้งเมื่อท่านยังเป็นมนุษย์อยู่ได้ทำบุญอะไรไว้ ท่านเป็นผู้มีอานุภาพอันรุ่งเรือง และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ เพราะบุญกรรมอะไร.
นางเทพธิดานั้นตอบว่า
ดีฉันเมื่อเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เป็นบุตรสะใภ้ในตระกูลอันมั่งคั่งตระกูลหนึ่ง ดีฉันเป็นผู้ไม่โกรธ เป็นผู้ประพฤติอยู่ใต้บังคับบัญชาของสามี ไม่ประมาทในวันอุโบสถ เมื่อดีฉันยังเป็นสาวอยู่ เป็นผู้ภักดีด้วยการไม่ประพฤตินอกใจสามีหนุ่ม ดีฉัน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 231
เป็นที่โปรดปรานของสามีเป็นอย่างยิ่ง ก็เพราะดีฉันมีน้ำใจผ่องใส ดีฉันได้ประพฤติตนให้เป็นที่ชื่นชอบใจของสามีทั้งกลางวันและกลางคืน ชาติก่อนดีฉัน เป็นผู้มีศีล เป็นผู้บำเพ็ญในสิกขาบททั้งหลายอย่างครบถ้วน คือ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ มีการงานทางกายบริสุทธิ์ ประพฤติพรมจรรย์อย่างสะอาดไม่กล่าวคำเท็จ และเว้นขาดจากดื่มน้ำเมา ดีฉันมีใจเลื่อมใส ประพฤติตามธรรม ปลาบปลื้มใจ เข้ารักษาอุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และวัน ๘ ค่ำ แห่งปักษ์ และตลอดปาฏิหาริยปักษ์ ครั้นดีฉันสมาทานกุศลธรรม อันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการอย่างประเสริฐเป็นอริยะ มีความสุขเป็นกำไร เช่นนี้แล้ว ชาติก่อนดีฉันได้เป็นสาวิกาของพระสุคตเจ้า ได้เป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของสามีเป็นอันดี ครั้นดีฉันทำกุศลกรรมเช่นนี้ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ในมนุษยโลก เป็นผู้มีส่วนแห่งภพอันวิเศษ พอสิ้นชีพลงแล้ว ดีฉันจึงถึงความเป็นนางเทพธดาผู้มีฤทธิ์ ในอภิสัมปรายภพมาสู่สวรรค์ ห้อมล้อมด้วยหมู่นางเทพอัปสรในวิมาน มีปราสาทอย่างประเสริฐ น่ารื่นรมย์ คณะเทพเจ้าและเหล่านางเทพธิดาทั้งหลายซึ่งมีรัศมีซ่านออก
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 232
จากกายตน พากันมาชื่นชมยินดีกับดีฉันผู้มีอายุยืน มาสู่เทพวิมาน.
จบปัลลังกวิมาน
อรรถกถาปัลลังกวิมาน
ปัลลังกวิมาน มีคาถาว่า ปลฺลงฺกเสฏฺเ มณิโสวณฺณจิตฺเต ดังนี้ เป็นต้น. ปัลลังกวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้กรุงสาวัตถี. ก็สมัยนั้น ธิดาของอุบาสิกาคนหนึ่งในกรุงสาวัตถี มารดาบิดายกให้กุลบุตรคนหนึ่งในกรุงสาวัตถีนั้นเอง เสมอกันทางตระกูลและประเทศเป็นต้น. ธิดานั้นเป็นหญิงไม่โกรธ ถึงพร้อมด้วยศีลและมารยาท นับถือสามีดุจเทวดา สมาทานศีล ๕ และในวันอุโบสถรักษาศีลอุโบสถโดยเคร่งครัด. ต่อมานางถึงแก่กรรมเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์. ท่านพระมหาโมคคัลลานเถระไปเหมือนอย่างที่กล่าวมาแล้วในหนหลัง ถามเทพธิดานั้นว่า
ดูก่อนเทวีผู้มีอานุภาพมาก ท่านแผลงฤทธิ์ได้ต่างๆ อยู่บนที่นอนอันโอฬาร เป็นบัลลังก์ประเสริฐ วิจิตรด้วยแก้วมณีและทองคำ ลาดด้วยดอกไม้. นางอัปสรเหล่านี้ฟ้อนรำขับร้องให้ความบันเทิงแก่ท่านโดยรอบ. เทวีผู้มีอานุภาพมาก ท่านเป็นผู้
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 233
สำเร็จฤทธิ์ เมื่อเป็นมนุษย์ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ ผิวพรรณของท่านสว่างไปทั่วทิศด้วยธรรมอะไร ดังนี้.
แม้เทพธิดานั้นก็ได้ตอบด้วยคาถาทั้งหลายเหล่านี้ว่า
ดีฉันเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ได้เป็นสะใภ้ในตระกูลมั่งคั่ง. ดีฉันไม่โกรธ อยู่ในอำนาจของสามี ในวันอุโบสถก็มิได้ประมาท. ดีฉันเป็นมนุษย์วัยสาว มิได้เหลวไหล มีจิตเลื่อมใสให้สามีโปรดปรานเป็นที่ยิ่ง เมื่อก่อนดีฉันได้เป็นหญิงมีศีล มีความประพฤติเป็นที่พอใจ. ดีฉันเว้นฆ่าสัตว์ เว้นลักทรัพย์ มีกายบริสุทธิ์ เป็นพรหมจารีนีที่สะอาด ไม่ดื่มน้ำเมา ไม่พูดเท็จ ทำให้บริบูรณ์ในสิกขาบททั้งหลาย. ดีฉันมีใจเลื่อมใสประพฤติตามธรรม มีใจปลาบปลื้มเข้ารักษาอุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และวัน ๘ ค่ำแห่งปักษ์ และตลอด ปาฏิหาริยปักษ์ ครั้นดีฉันสมาทานกุศลอันประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นอริยะนี้ มีความสุขเป็นกำไรแล้ว ชาติก่อนดีฉันได้เป็นสาวิกาของพระสุคต ได้อยู่ในอำนาจของสามีเป็นอย่างดี ครั้นดีฉันทำกุศลกรรมเช่นนี้ในขณะที่ยังมีชาติอยู่ เป็นผู้มีส่วนแห่งภพอันวิเศษ เมื่อถึงแก่กรรมลง ดีฉันได้เป็นเทพธิดาผู้มี
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 234
ฤทธิ์ ในอภิสัมปรายภพมาสู่สวรรค์ หมู่เทพซึ่งมีรัศมีซ่านออกจากกายตน ห้อมล้อมด้วยหมู่นางอัปสร ในวิมานมีปราสาทอันประเสริฐ น่ารื่นรมย์ พากัน ชื่นชมดีฉันผู้มีอายุยืนมาสู่เทพวิมาน.
ในบทเหล่านั้น บทว่า ปลฺลงฺกเสฏฺเ ได้แก่ บัลลังก์อันประเสริฐ คือบัลลังก์อันสูงสุด เพื่อแสดงความที่ที่นอนนั้นประเสริฐที่สุดจึงกล่าวว่า มณิโสวณฺณจิตฺเต วิจิตรด้วยแก้วมณีและทองคำ. บนที่นอนเป็นบัลลังก์อันประเสริฐ ที่ท่านกล่าวว่า ตตฺถ ในที่นั้น และ สยเน บนที่นอนอันวิจิตรด้วยแก้วมณีรุ่งเรืองด้วยตาข่ายรัศมีแก้วหลายอย่าง. ชื่อว่า บัลลังก์ประเสริฐที่สุดเป็นที่ที่ควรนอน. บทว่า เต คือ โดยรอบตัวท่าน. ควรเปลี่ยนวิภัตติเป็น ตํ เพราะเพ่งถึงบทว่า ปโมทยนฺติ. อีกอย่าง หนึ่ง บทว่า ปโมทยนฺติ ได้แก่ ทำความบันเทิง อธิบายว่า ยังความบันเทิงให้เกิดแก่ท่าน.
บทว่า ทหรา อปาปิกา ได้แก่ แม้เป็นสาวก็ไม่เป็นคนเหลวไหล ปาฐะว่า ทหรา สุปาปิกา ดังนี้บ้าง. ความอย่างเดียวกัน คือไม่นอกใจในสามีหนุ่ม. อาจารย์บางพวกกล่าวว่า ทหรสฺสา ปาปิกา ดังนี้บ้าง ได้แก่ ไม่นอกใจสามีหนุ่ม. อธิบายว่า เป็นหญิงดีด้วยการปรนนิบัติ โดยเคารพและด้วยการไม่ประพฤตินอกใจ. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ปสนฺนจิตฺตา มีจิตเลื่อมใสแล้ว. บทว่า อภิราธยึ คือ ให้ยินดี. บทว่า รตฺโต คือ ในกลางคืน.
บทว่า อโจริกา คือ เว้นจากการลักทรัพย์. อธิบายว่า เว้นจาก
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 235
การถือเอาของที่เขาไม่ให้. ปาฐะว่า วิรตา จ โจริยา ดังนี้บ้าง อธิบายว่า เว้นจากความเป็นขโมย. บทว่า สํสุทฺธกายา ได้แก่ มีกายบริสุทธิ์ด้วยดี เพราะทำการงานทางกายบริสุทธิ์. จากนั้นเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์อย่างสะอาด เพราะไม่ประพฤติพรหมจรรย์ในผู้อื่นนอกจากสามี. สมดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า
พวกเราไม่นอกใจภรรยา แม้ภรรยาก็ไม่นอกใจพวกเรา พวกเราประพฤติพรหมจรรย์ ยกเว้นภรรยาเหล่านั้น เพราะฉะนั้นแล พวกเราจึงไม่ตาย ตอนยังเป็นหนุ่มสาว ดังนี้.
อีกอย่างหนึ่ง บทว่า สุพฺรหฺมจารินี ได้แก่ เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์สะอาด ด้วยสามารถแห่งมรรคพรหมจรรย์ คือ อุโบสถศีลอันสะอาดบริสุทธิ์ประเสริฐ ประเสริฐที่สุด หรือพรหมจรรย์อันเป็นส่วนเบื้องต้นความสมควร.
บทว่า อนุธมฺมจารินี ได้แก่ มีปกติประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมของพระอริยะทั้งหลาย. โยชนาแก้ไว้ว่า ข้าพเจ้าเข้ารักษาอุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ อันประเสริฐเป็นอริยะ เพราะไม่มีโทษดังที่ท่านกล่าวแล้วตามลำดับนี้ หรือเพราะเป็นอริยะด้วยองค์ ๘ อันประเสริฐเป็นอริยะดังที่กล่าวแล้ว ชื่อว่าเป็นกุศลธรรม เพราะอรรถว่าไม่เศร้าหมอง และเพราะอรรถว่าไม่มีโทษ ชื่อว่ามีสุขเป็นกำไร เพราะมีสุขเป็นวิบาก และเพราะมีสุขเป็นอานิสงส์.
บทว่า วิเสสภาคินี ได้แก่ เป็นผู้มีส่วนแห่งสมบัติภพอันวิเศษ คือ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 236
เป็นทิพย์. บทว่า สุคติมฺหิ อาคตา ได้แก่ มา คือเข้าถึงสวรรค์ หรือมาในสุคติสวรรค์ คือทิพยสมบัติ. ปาฐะว่า สุคตึ หิ อาคตา มาสู่สวรรค์ดังนี้บ้าง. บทว่า หิ ในบทนั้นเป็นเพียงนิบาต หรือมีความเป็นเหตุ. โยชนาแก้ว่า เพราะมาสู่สุคติ ฉะนั้น จึงเป็นผู้มีส่วนแห่งภพวิเศษ.
บทว่า วิมานปาสาทวเร ได้แก่ ในปราสาทอันสูงสุดในวิมานทั้งหลาย หรือในปราสาทอันเลิศกล่าวคือวิมาน หรือดีฉันอันหมู่นางอัปสรแวดล้อมแล้วในวิมาน อันเป็นปราสาทประเสริฐใหญ่หาประมาณมิได้ คำนวณไม่ได้ มีรัศมีซ่านออกจากกายตนเองบันเทิงอยู่. อีกอย่างหนึ่ง ควรนำบทว่า อมฺหิ มาประกอบด้วย. บทว่า ทีฆายุกึ โยชนาแก้ว่า หมู่เทพพากันยินดีกับข้าพเจ้าผู้มีอายุยืน เพราะมีอายุยืนกว่าพวกเทพชั้นต่ำ และเพราะมีอายุไม่น้อยกว่าพวกเทพที่เกิดในวิมานนั้น ผู้มาคือเข้าถึงเทพวิมานตามที่กล่าวแล้ว. บทที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.
จบอรรถกถาปัลลังกวิมาน