พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๔. อโลมวิมาน ว่าด้วยอโลมวิมาน

 
บ้านธัมมะ
วันที่  16 พ.ย. 2564
หมายเลข  40292
อ่าน  384

[เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 346

๑. อิตถิวิมานวัตถุ

มัญชิฏฐกวรรคที่ ๔

๔. อโลมวิมาน

ว่าด้วยอโลมวิมาน


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 48]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 346

๔. อโลมวิมาน

ว่าด้วยอโลมวิมาน

พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพธิดาองค์หนึ่งว่า

[๔๒] ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามเปล่งรัศมีสว่างไปทุกทิศ เหมือนดาวประกายพรึก เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 347

ดูก่อนเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไร เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพธิดานั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ดีฉันอยู่ในกรุงพาราณสี มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายขนมแห้งแด่พระพุทธเจ้าผู้เผ่าพันธุ์พระอาทิตย์ด้วยมือของตน ขอพระคุณเจ้าโปรดดูผลของชิ้นขนมแห้งอันหารสเค็มมิได้ ครั้นเห็นว่าถวายขนมแห้งไม่เค็ม แล้วได้ความสุข ใครเล่าจักไม่ทำบุญ เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอกแก่ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ดีฉันได้กระทำบุญใดไว้ เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบอโลมวิมาน

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 348

อรรถกถาอโลมวิมาน

อโลมวิมาน มีคาถาว่า อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน เป็นต้น. อโลมวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี เวลาเช้าทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังกรุงพาราณสี. ในกรุงพาราณสีนั้น มีหญิงเข็ญใจคนหนึ่งชื่อ อโลมา เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วเลื่อมใส ไม่เห็นสิ่งอื่นที่ควรถวาย นางคิดว่า ของที่ถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้เช่นนี้ ก็จักมีผลมากแก่เรา จึงน้อมถวายขนมแห้งไม่เค็มมีผิวราน. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับขนมนั้น. นางได้ยึดทานนั้นเป็นอารมณ์ เสวยโสมนัสความดีใจ กาลต่อมานางตายบังเกิดในภพดาวดึงส์. ท่านพระมหาโมคคัลลานะถามนางว่า

ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงาม เปล่งรัศมีสว่างไปทุกทิศ เหมือนดาวประกายพรึก เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.

ดูก่อนเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไร เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพธิดาแม้นั้นได้ตอบปัญหาแก่พระเถระแล้ว. เพื่อจะแสดงข้อนั้น พระสังคีติกาจารย์จึงกล่าวว่า

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 349

เทวดานั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ดีฉันอยู่ในกรุงพาราณสี มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายขนมแห้งแด่พระพุทธเจ้าผู้เผ่าพันธุ์พระอาทิตย์ด้วยมือของตน ขอพระคุณเจ้าโปรดดูผลของชิ้นขนมแห้ง อันหารสเค็มมิได้ ครั้นเห็นว่าขนมแห้งไม่เค็มแล้วได้ความสุข ใครเล่าจักไม่ทำบุญ.

เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอกท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ดีฉันได้กระทำบุญใดไว้ เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อโลมํ สุขิตํ ทิสฺวา ความว่า เห็นว่าถวายขนมแห้งแม้ชื่อ อโลมะ แล้วยังได้สุขโดยความสุขอันเป็นทิพย์อย่างนี้. บทว่า โก ปุญฺํ น กริสฺสติ ความว่า ใครเล่าเมื่อหวังประโยชน์เกื้อกูลและความสุขสำหรับตน จักไม่กระทำบุญ. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.

จบอรรถกถาอโลมวิมาน